เรือแจวพานักท่องเที่ยวไปยังถ้ำตามก๊ก

เขตท่องเที่ยวตามก๊ก-บิ๊กด่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสองแห่งคือ ตามก๊กและบิ๊กด่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านวันเลิม ตำบลนินห์ห่าย อำเภอฮวาลือ จังหวัดนินห์บิ่นห์และเป็นเขตท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเวียดนาม  ตามก๊กยังมีชื่ออีกว่า อ่าวฮาลองบกเพราะมีระบบถ้ำและภูหินปูนเหนือผิวน้ำและยังมีโบราณสถานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชวงศ์เจิ่นราวศตวรรษที่ ๑๓-๑๔  ล่องเรือที่ท่าเรือตามก๊กลัดเลาะไปตามสายน้ำโงยางผ่านผาหินที่สูงตระหง่าน ไปยังบริเวณถ้ำต่างๆ  คุณโงถิ่หนุฝีพายอธิบายความหมายของคำว่าตามก๊กขณะกำลังพายไม้พายอย่างช้าๆว่า  “ คำว่าตามก๊กนั้นมาจากภาษาฮั่นโดยมีความหมายว่า ตามแปลว่าสาม ก๊กแปลว่าถ้ำ  ส่วนชาวบ้านเรียกว่าบาฮางได้แก่ฮางก่าหรือถ้ำแรก ฮางฮายหรือถ้ำแห่งที่สองและฮางบาหรือถ้ำแห่งที่สาม การเที่ยวชมถ้ำทั้งสามแห่งนี้กินเวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง ”

เที่ยวตามก๊กไปได้ทุกเดือน แต่ละฤดูตามก๊กจะมีความสวยงามไม่ซ้ำกัน โดยในวสันต์ฤดูเราจะได้ชมทุ่งนาเขียวขจีสองฟากฝั่งของลำน้ำ  ต้นฤดูร้อนประมาณเดือน๔ตามจันทรคติสีเขียวของทุ่งนากลายเป็นสีเหลืองอร่าม และนักท่องเที่ยวยังได้ชมและรับกลิ่นหอมดอกบัวที่สระบัวสองข้างทางที่โชยเข้ามาอีกด้วย  การล่องเรือบนแม่น้ำโงยาง นักท่องเที่ยวยังได้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่ผูกพันกับชื่อของภูเขาและผาหินเช่น ภูกิมกุยหรือภูพญาเต่าและภูห่ามโร่งหรือภูหัวมังกร อีกทั้งได้ชมเทือกเขาหินปูนที่เป็นรูปต่างๆและชมสัตว์น้ำนานาพันธุ์  น้ำใสทำให้เราได้ชมพืชต่างๆเช่น คอนสวรรค์และสาหร่าย แต่สิ่งที่นักท่องเที่ยวรอคอยอย่างใจจดใจจ่อคือ การได้ชมความงามของถ้ำ  คุณเหงวียนซวนเงวียนไกด์นำเที่ยวเปิดเผยว่า   “ ถ้ำแรกคือถ้ำฮางก่า ถ้ำลึก๑๒๗เมตร กว้าง ๒๐ เมตรภายในถ้ำและที่ปากถ้ำมีหินย้อยรูปต่างๆเช่นรูปเมฆและเต้านมที่มีหยดน้ำไหลลงจากหินย้อยตลอดทั้งวันทั้งคืน ถ้ำนี้มีความพิเศษคือ มองจากด้านหน้าเข้าไปจะเห็นแต่ความมืดแต่ยิ่งเข้าไปก็สว่างขึ้นจนสามารถมองเห็นทางเดินได้ ”

ออกจากถ้ำฮางก่า เรือล่องตามลำน้ำประมาณ ๑๐ นาทีก็จะถึงถ้ำฮางฮายซึ่งมีความลึกน้อยกว่าถ้ำฮางก๋า ซึ่งเป็นความพิเศษของตามก๊กที่ถ้ำต่อไปจะลึกน้อยกว่าและแคบกว่าถ้ำก่อน ถ้ำฮางฮายลึก๖๐เมตร เพดานถ้ำเป็นผาหินราบ ถ้ำฮางบาเป็นถ้ำสุดท้ายในการล่องเรือชมตามก๊ก ถ้ำห่างจากถ้ำฮางฮายประมาณ ๑๐๐ เมตร ถ้ำฮางบาเป็นถ้ำที่ลึกน้อยที่สุดคือประมาณ ๕๐ เมตรเท่านั้น  ตามก๊กหรือถ้ำสามแห่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลมาหลายพันปีทำให้ถ้ำมีความสวยงามที่มหัศจรรย์ที่ไม่อาจบรรยายให้หมดได้

ภายหลังล่องเรือปล่อยภวังค์ไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามของตามก๊กมาเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงเรือก็กลับถึงท่าเรือตามก๊ก  เดินทางต่อไปประมาณ ๒ กิโลเมตรก็จะถึงบิ๊กด่ง ที่ขึ้นชื่อว่านามเทียนเด่หญี่ด่งหรือถ้ำที่สวยแห่งที่สองของเวียดนาม  วัดบิ๊กด่งถูกก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ.๑๔๒๘ สมัยกษัตริย์เลท้านโต๋ครองราชสมบัติและเป็นทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดของจังหวัดนินห์บิ่นห์ วัดตั้งอยู่ในสถานที่ที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง การเข้าวัดต้องผ่านสะพานหินข้ามสระบัว  คุณเหงวียนซวนเงวียนแนะนำต่อไปว่า  “ ในบริเวณวัดบิ๊กด่งมีวัดทั้งหมดสามแห่งตามไหล่เขาได้แก่วัดห่าหรือวัดล่าง วัดจูงหรือวัดกลางและวัดเถื่องหรือวัดเหนือ   ปีค.ศ.๑๗๔๐ กษัตริย์เลแก๋งฮึงทรงพระราชทานชื่อให้วัดนี้ว่า แบกหงอกแถกเซินด่งแปลว่าวัดหินงามดั่งไข่มุขในภูเขาและแม่น้ำ ส่วนชื่อบิ๊กด่งที่แปลว่าถ้ำสีมรกตนั้นถูกตั้งโดยอำมาตย์เหงวียนเหญียมเมื่อปีค.ศ.๑๗๗๓ ท่านเป็นบิดาของกวีเอกเหงวียนซู”

พายเรือแจวด้วยเท้า

นมัสการวัดบิ๊กด่งเสร็จแล้วเดินตามบันไดหิน ๒๑ ขั้นก็จะถึงถ้ำโต๊ย ภายในถ้ำมีหินย้อยรูปร่างต่างๆเช่น นางฟ้า มังกร เต่าว่ายน้ำ ช้างและเสือหมอบ  ออกจากถ้ำโต๊ยเดินตามบันไดหินตามไหล่เขาอีก ๔๐ ขั้นจะถึงวัดเถื่องหรือวัดเหนือ วัดตั้งอยู่บนยอดเขาบิ๊กด่งและเป็นสถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิม  เมื่อยืนที่ลานวัดสามารถชมวิวโดยรอบของบิ๊กด่งได้ มองลงไปข้างล่างจะเห็นแม่น้ำสายเล็กๆไหลลัดเลาะตามเทือกเขาซึ่งเป็นภาพแม่น้ำและภูเขาที่สวยยิ่งนัก

นักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อมาเที่ยวตามก๊ก-บิ๊กด่งต่างชื่นชอบความสวยงามของที่นี่ นายมอนตี บีนอตโต นักท่องเที่ยวชาวสวิสเซอร์แลนด์กล่าวถึงความรู้สึกชื่นชอบที่นี่พร้อมโชว์ภาพถ่ายทิวทัศน์ที่สวยงาม  “ ผมมาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรก ผืนดินแห่งนี้มีประเพณีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ธรรมชาติได้บันดาลทิวทัศน์ที่สวยงามให้แก่ตามก๊ก-บิ๊กด่ง คนที่นี่มีอัธยาสัยดี  ผมอยากอยู่ที่นี่อีก ๒ – ๓ วันเพื่อค้นหาผืนแผ่นดินนี้ ผมประทับใจต่อรอยยิ้มของคนแจวเรือ พวกเขายังสามารถพายเรือด้วยเท้า ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน ”

ตามก๊ก-บี๊กด่งที่ได้ระบุในหนังสือนำเที่ยวของหลายประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะมีติดมือเมื่อมาเที่ยวเวียดนามและมักจะซื้อทัวร์ไปเที่ยวให้ได้  มาเที่ยวตามก๊ก-บิ๊กด่งนักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์และมีความรู้สึกจิตใจสงบปลอดโปร่ง ซึ่งเมื่อมาแล้วก็อยากกลับมาเที่ยวอีก ./.