ภาพของพิธีมอบรางวัล

 สำหรับด้านการถ่ายภาพ ศิลปิน จูชี้แถ่ง ได้รับรางวัลโฮจิมินห์ด้วยชุดภาพถ่ายภายใต้หัวข้อ “ทหารสองนาย”ที่ถ่ายเมื่อปี 1973  จากการเป็นหนึ่งในนักข่าวของสำนักข่าวเวียดนาม ที่เคยทำงานในสมรภูมิ เขาได้ถ่ายภาพเกี่ยวกับหัวข้อสงครามการปฏิวัติ ซึ่งศิลปิน จูชี้แถ่ง ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ต้องลงพื้นที่สมรภูมิร่วมกับเพื่อนสหาย

“เมื่อเตรียมลงนามข้อตกลงปารีส  ผมและ เจิ่นมายเหือง ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิ ผมรู้สึกแปลกใจมากเมื่อเห็นทหารลุงโฮและทหารของทางการสาธารณรัฐเวียดนามจับมือกัน ซึ่งผมอย่างบันทึกวินาทีนั้น โดยเฉพาะเมื่อผมเห็นทหารสาธารณรัฐเวียดนามเป็นฝ่ายเริ่มต้นในการพูดคุยกับทหารลุงโฮ ทำให้ผมรู้ว่า พวกเขาก็มีความปรารถนาที่จะเห็นสันติภาพ ภาพถ่ายนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

ส่วนศิลปะการระบำรำฟ้อนก็ได้รับการรับรองจากพรรคและรัฐเนื่องจากมีส่วนร่วมที่สำคัญในการส่งเสริมความงามของจิตวิญญาณมนุษย์  โดยรองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์  ศิลปินประชาชน อืงยวีถิงได้รับมอบรางวัลโฮจิมินห์ด้วยผลงงานละครรำ “ประเทศ” “เปลวไฟ”และผลการวิจัย “จากการแสดงพื้นเมืองถึงความคิดสร้างสรรค์ในการะบำมืออาชีพ” ศิลปินประชาชน อึ๊งยวีถิง ได้เผยว่า 

“ผลงงานละครรำ “ปิตุภูมิ” มีความพิเศษมาก นี่เป็นบทละครที่เล่าเรื่องกระบวนการปลดปล่อยประเทศของกองทัพและประชาชนเวียดนาม โดยเฉพาะชีวิตของทหารที่ทำการต่อสู้ในสมรภูมิและคนที่อยู่แนวหลังที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จเนื่องจากพวกเขามีความรักและได้รับกำลังใจจากคนที่อยู่แนวหลัง   ซึ่งสตรีเป็นคนที่อยู่แนวหลังของทหาร พวกเขามีความขยันหมั่นเพียรและเก่งงานบ้าน”

นักดนตรี ดิงจูงเกิ่น (Photo: toquoc)

ในด้านดนตรี ผลงาน “ปิตุภูมิเรียกชื่อฉัน” ของนักดนตรี ดิงจูงเกิ่น โดยเนื้อร้องนำมาจากบทกลอนของนักวี ฟานเก๋วมาย เป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับรางวัลแห่งชาติปีนี้ นักดนตรี ดิงจุงเกิ่นรู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อกล่าวถึงช่วงเวลาที่แต่งเพลงนี้ว่า 

“ผมแต่งเพลงนี้ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในทะเลตะวันออกมีความผันผวนที่ซับซ้อน เพลงนี้เหมือนที่พึ่งทางจิตใจที่มั่นคง มีส่วนช่วยปลูกฝังความภาคภูมิใจเกี่ยวกับปิตุภูมิและบ้านเกิด โดยได้รับการขานรับจากนักร้องมืออาชีพ  นักร้องสมัครเล่น ประชาชนทั้งภายในและต่างประเทศ    สำหรับศิลปินอย่างพวกเรา นี่เป็นนิมิตรหมายใหญ่ในชีวิตการทำงาน เป็นการให้กำลังใจแก่พวกเราในการแต่งเพลงที่ไพเราะ มีส่วนร่วมต่อปิตุภูมิ  ศิลปินเหมือนนักรบ พวกเราต้องพยายามสร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับประเทศมากขึ้น”

สำหรับด้านวรรณกรรม รางวัลแห่งชาติปีนี้ได้มอบให้แก่นักเขียนและกวี 9 คน เช่น นาย กาวเซินหาย ฟานหงอกเคว เหงวียนวันเถาะ เหงวียนหึวหญ่าน เลวันหวอง เหงวียนซวนเทิม   นักเขียน เหงวียนวันเถาะที่ได้รับรางวัลจากผลงานนวนิยายเรื่อง “เกวียน” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า 

“ชีวิตของชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทุกคน  นวนิยายเล่มนี้กล่าวถึงชีวิตของชาวเวียดนามนับหมื่นคนที่กำลังอาศัยและทำงานในต่างประเทศ  ความสุขไม่ใช่การที่พวกเราได้ไปหลายที่ ได้ศึกษาและอาศัยในประเทศที่พัฒนา แต่ความสุขคือความพยายามมีส่วนร่วมต่อปิตุภูมิและบ้านเกิด ซึ่งนี่คือคุณค่าของชีวิต”

ผลงานที่ได้รับรางวัลโฮจิมินห์และรางวัลแห่งชาติเกี่ยวกับวรรณศิลป์แต่ละผลงานมีเนื้อหาและวิธีการนำเสนอที่หลากหลาย มีส่วนร่วมยกระดับคุณสมบัติของชาวเวียดนามในยุคใหม่ ยกระดับคุณค่าที่ดี ปลูกฝังจิตใจแห่งความเชื่อมั่น ความภาคภูมิใจ มีส่วนร่วมส่งเสริมพลังแห่งวัฒนธรรมและคนเวียดนาม ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศและคนเวียดนามต่อเพื่อนมิตรชาวต่างชาติ.