การพิสูจน์เกี่ยวกับการปฏิเสธคารมที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม

(VOVWORLD) - มติของประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกเกี่ยวกับการอภัยโทษให้แก่นักโทษที่มีความประพฤติดี 2,434 คนในโอกาสวันชาติเวียดนาม 2 กันยายนปี 2022ได้แสดงให้เห็นถึงนโยบายการอภัยโทษของพรรคและรัฐเวียดนามต่อนักโทษ เกียรติประวัติแห่งความเมตตาและความมีมนุษยธรรมของประชาชาติเวียดนามและเป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับการปฏิเสธคารมที่บิดเบือนความจริงและใส่ร้ายป้ายสีสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนามขององค์กรและบุคคลที่ไม่หวังดี
การพิสูจน์เกี่ยวกับการปฏิเสธคารมที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม - ảnh 1การมอบมติเกี่ยวกับการอภัยโทษให้แก่นักโทษที่มีความประพฤติดี 11คนที่จังหวัดบิ่งเยือง (chinhphu.vn)

ในโอกาสวันชาติเวียดนาม 2 กันยายน ประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกได้ลงนามในมติเกี่ยวกับการอภัยโทษให้แก่นักโทษที่มีความประพฤติดี 2,434 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนโยบายการอภัยโทษของพรรคและรัฐเวียดนามต่อนักโทษ เกียรติประวัติแห่งความเมตตาและความมีมนุษยธรรมของประชาชาติเวียดนาม การส่งเสริมให้นักโทษสำนึกในความผิดและกลับตัวเป็นคนดีของสังคม อีกทั้งสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการค้ำประกันและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในทุกแนวทางและนโยบายของพรรคและรัฐเวียดนาม การปฏิเสธคารมที่บิดเบือนความจริงและใส่ร้ายป้ายสีเวียดนามว่า ไม่ค้ำประกันการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนขององค์กรและบุคคลที่ไม่หวังดี

ในเวียดนาม สิทธิมนุษยชนคือคุณค่าขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ได้รับในกระบวนการต่อสู้ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมและสังคมเพื่อยืนยันสถานะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและกฎหมาย นั่นคือความต้องการ ทักษะความสามารถ เสรีภาพและคุณสมบัติทั้งส่วนบุคคลและชุมชนที่ได้รับการรับรองและค้ำประกันการปฏิบัติในระบบกฎหมายระดับประเทศและกฎหมายสากล การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนคือนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของรัฐเวียดนาม โดยเวียดนามถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางและเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่กระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ ภารกิจการพัฒนาประเทศและพยายามปฏิบัติเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต การได้รับประโยชน์จากสิทธิต่างๆของประชาชนและไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ถูกระบุในรัฐธรรมนูญเวียดนาม ได้รับการปกป้องและส่งเสริมตามเอกสารกฎหมายต่างๆและได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ได้ยืนยันว่า “ต้องให้ความเคารพ ค้ำประกัน ปกป้องสิทธิของมนุษย์ สิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญปี 2013 ผสานสิทธิของพลเมืองกับหน้ที่และความรับผิดชอบต่อสังคม” “ประชาชนเป็นศูนย์กลางและเป็นแกนหลักในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ การสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิ ทุกแนวทางและนโยบายต้องเริ่มต้นจากชีวิตความเป็นอยู่ ความปรารถนา สิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชน ถือความอิ่มหนำผาสุกของประชาชนเป็นเป้าหมายเพื่อมุ่งปฏิบัติ” ทั้งนี้ แนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของพรรคและรัฐเวียดนามคือปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกันสำหรับประชาชนทุกคน รวมถึงผู้ที่กำลังรับโทษจำคุก ซึ่งสิ่งนี้ถูกระบุอย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญปี 2013 เอกสารกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญาปี 2015  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาปี 2015 กฎหมายการคุมขังชั่วคราวปี 2015และกฎหมายการบังคับคดีอาญาปี 2019 เป็นต้น

ในเวียดนาม การทำผิดกฎหมายต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งนักโทษที่ได้รับการอภัยโทษปีนี้ล้วนได้รับการลงโทษตามคำพิพากษาของศาล โดยอ้างอิงประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งการมีความประพฤติดีเพื่อได้รับการลดโทษและอภัยโทษ โดยการอภัยโทษมีผลบังคับใช้ต่อทั้งนักโทษเวียดนามและนักโทษที่เป็นชาวต่างชาติ การอภัยโทษปีนี้ได้รับการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆอย่างเคร่งครัด จริงจัง เปิดเผย มีประชาธิปไตย มีความยุติธรรม และค้ำประกันการพิจารณานักโทษที่มีความประพฤติดีตามข้อกำหนด

การพิสูจน์เกี่ยวกับการปฏิเสธคารมที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม - ảnh 2นักโทษหญิงที่จังหวัดแทงฮว้า (Ngọc Thành/vnexpress)

การที่พรรคและรัฐเวียดนามมีนโยบายอภัยโทษให้แก่นักโทษที่มีความประพฤติดีและผู้ต้องขังที่ได้รับการเลื่อนหรือระงับการบังคับคดีตามกฎหมายเป็นการปฏิบัตินโยบายแห่งมนุษยธรรมของพรรคและรัฐและอำนวยความสะดวกให้แก่นักโทษที่ได้รับการอภัยโทษในการกลับสู่สังคม ซึ่งสิ่งนี้ได้รับการยืนยันในการประชุมระหว่างประธานประเทศกับคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาด้านการอภัยโทษประจำปี 2022 โดยประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกได้กำชับให้พรรคสาขา ทางการปกครองและท้องถิ่นอำนวยความสะดวกให้แก่นักโทษที่ได้รับการอภัยโทษในการกลับเข้าสู่สังคม

 การปฏิบัตินโยบายอภัยโทษประจำปี 2022 เป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับการปฏิเสธคารมที่บิดเบือนความจริงและใส่ร้ายป้ายสีสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนามขององค์กรและบุคคลที่ไม่หวังดี นอกจากนี้ ยังมีความหมายในการส่งเสริมให้นักโทษมีความประพฤติดีเพื่อสามารถกลับเข้าสู่สังคม มีส่วนร่วมเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนโยบายแห่งมนุษยธรรมของพรรคและรัฐและแสดงให้เห็นถึงความดีเลิศของระบอบสังคมนิยมเวียดนาม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด