การสนทนาอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลีคือความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ
(VOVWORLD) - สัปดาห์อาเซียนรำลึกครบรอบ 30 ปีการสนทนาอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลีได้เสร็จสิ้นลง ณ กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศมุ่งสู่การจัดการประชุมสุดยอดพิเศษอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี ณ เมืองท่าบูซาน ทางภาคใต้ของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีในเดือนพฤษจิกายนให้ประสบความสำเร็จและรำลึกครบรอบ 30 ปีการสถาปนาการสนทนาอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี
อาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี (photo internet) |
ในงานสัปดาห์อาเซียนมีชาวสาธารณรัฐเกาหลีและชาวอาเซียนมาเข้าร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งเหมือนเป็นการท่องเที่ยวประเทศอาเซียนเพราะในงานมีอาหาร มีการเดินแฟชั่นและการแสดงศิลปะที่หลากหลายของ 10 ประเทศอาเซียน พร้อมทั้งเป็นโอกาสประชาสัมพันธ์อาเซียนเพื่อมีส่วนร่วมขยายการเชื่อมโยงและกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันนี้ อาเซียนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของสาธารณรัฐเกาหลี รองจากจีนและนักลงทุนสาธารณรัฐเกาหลีให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐและสหภาพยุโรป ส่วนสาธารณรัฐเกาหลีกำลังแสวงหาโอกาสขยายความสัมพันธ์การค้าทวิภาคีกับบรรดาประเทศอาเซียน จากระดับ 1 แสน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 ขึ้นเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020 ควบคู่กันนั้น อาเซียนยังเป็นสถานที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐเกาหลีจำนวนมาก โดยเมื่อปี 2018 ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปมาระหว่างสองฝ่ายได้บรรลุ 10 ล้านคน
ในการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐเกาหลีกับอาเซียนในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างให้คำมั่นว่า จะขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เข้าสู่ส่วนลึกและมีประสิทธิภาพในทุกด้าน รวมไปถึงด้านที่มีศักยภาพสูง เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ-การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม เป็นต้น สาธารณรัฐเกาหลียืนยันอยู่เสมอว่า จะสนับสนุนความคิดริเริ่มเครือข่ายนครอัจฉริยะของอาเซียน ถ่ายทอดประสบการณ์ในการพัฒนานวัตกรรม พัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สัปดาห์การทำธุรกิจ start – up อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีที่จังหวัด Gyeonggi ของสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อผลักดันขบวนการทำธุรกิจ start – up ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศอาเซียน สาธารณรัฐเกาหลียังเพิ่มเงินทุนของกองทุนความร่วมมืออาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี ปฏิบัติความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการผลักดันการพบปะระดับประชาชนขึ้นเป็น 15 ล้านคนภายในปี 2020 สนับสนุนเงินทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคและเพิ่มทักษะความสามารถในด้านดิจิตอลของอาเซียน สนับสนุนอาเซียนในการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติและรักษาความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
หลังการประชุมสุดยอดสหรัฐ – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2018 และที่เวียดนามในปี 2019 อาเซียนได้มีบทบาทและอิทธิพลด้านการทูตมากขึ้นในกระบวนการสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ก่อนหน้านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐเกาหลี Kang Kyung – wha ได้ยืนยันว่า ความสัมพันธ์กับอาเซียนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพของสาธารณรัฐเกาหลี
วิสัยทัศน์สำหรับอนาคตความร่วมมืออาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี
ในการเยือนสามประเทศอาเซียน ประกอบด้วย บรูไน มาเลเซียและกัมพูชาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี มูนแจอิน ได้ยืนยันถึงบทบาทที่นับวันสูงเด่นบนเวทีโลกของภูมิภาคอาเซียนและย้ำถึงความตั้งใจขยายความสัมพันธ์ร่วมมือกับบรรดาประเทศอาเซียน โดยถือว่า ความร่วมมือระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับอาเซียนจะมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อเป้าหมายการผลักดันความเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่อาเซียนมุ่งบรรลุ
ปัจจุบันนี้ รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีกำลังผลักดันนโยบายมุ่งสู่ทิศใต้ใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในความคิดริเริ่มด้านการต่างประเทศที่สำคัญของประธานาธิบดี มูนแจอิน เพื่อขยายความสัมพันธ์ทางการทูตและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย นั่นคือการพึ่งพา 3 เสาหลัก ประกอบด้วย มนุษย์ ความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีได้แสดงความเชื่อมั่นว่า นโยบายนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์อาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายสามารถ “มีความสุข ความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ปี 2019 ครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์สนทนาระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเพื่อรำลึกกิจกรรมนี้ สาธารณรัฐเกาหลีได้วางแผนจัดการประชุมระดับสูงอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลีในเดือนพฤศจิกายนนี้ นี่จะเป็นโอกาสให้ผู้นำสาธารณรัฐเกาหลีและ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนวางวิสัยทัศน์ให้แก่อนาคตเพื่อปฏิบัติเป้าหมายสร้างสรรค์ประชาคมที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลางแห่งความ เจริญรุ่งเรืองและสันติภาพให้ประสบความสำเร็จ.