(VOVWORLD) - ท่านผู้ฟังที่เคารพ วันนี้คือวันที่ 1 ตรุษเต๊ตปีมะเส็ง 2025 เป็นวันแรกของปีใหม่ตามจันทรคติ นอกจากนี้วันนี้ยังเป็นวันเปิดตัวการรณรงค์ใหม่ๆ มากมายเพื่อนำประเทศก้าวหน้าและมีความแข็งแกร่งมากขึ้นบนเส้นทางแห่งการพัฒนา
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม กล่าวปราศรัในการประชุมของสหประชาชาติสมัยที่ 79 เมื่อเดือนกันยายนปี 2024 (VNA) |
ปี 2025 จะเป็นปีที่กำหนดสถานะของเวียดนามในกระแสแห่งยุคสมัย เปิดศักยภาพที่สดใสให้แก่อนาคตของประชาชาติในยุคใหม่ สำหรับรายการพิเศษวันนี้ที่มีหัวข้อ “กำหนดสถานะของเวียดนามในกระแสแห่งยุคสมัย” ทางผู้จัดทำรายการจะแนะนำพัฒนาการที่โดดเด่นและเข้มแข็งของประเทศในยุคใหม่
เวียดนาม – จุดหมายปลายทางสำหรับการจัดกิจกรรมสำคัญของโลก
วิสัยทัศน์และแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศบวกกับการตัดสินใจและแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ต่อกิจกรรมการต่างประเทศ โดยเฉพาะการยกระดับความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนสำคัญและเพื่อนมิตรที่มีมาช้านานเมื่อปี 2024 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับสถานการณ์การต่างประเทศของเวียดนาม โดยบรรยากาศด้านการต่างประเทศที่เป็นไปอย่างราบรื่นและเปิดกว้างได้สร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่การปกป้องและสร้างสรรค์ปิตุภูมิ ผลงานนี้ได้สร้างพลังจูงใจให้เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดกิจกรรมสำคัญของโลกในปี 2025 ต่อไป
ในปี 2025 ภายหลัง 5ปี ทำการเจรจา อนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมทางไซเบอร์จะได้รับการลงนามในกรุงฮานอยโดยใช้ชื่อว่า อนุสัญญา ฮานอย นี่คือนิมิตหมายที่สำคัญในประวัติศาสตร์การต่างประเทศพหุภาคีของเวียดนาม เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ชื่อเมืองในเวียดนามได้ถูกนำไปตั้งเป็นชื่ออนุสัญญาพหุภาคีระดับโลกสำหรับด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาคมระหว่างประเทศ การตัดสินใจนี้เป็นการพิสูจน์อย่างเด่นชัดเจนถึงสถานะและชื่อเสียงที่นับวันสูงเด่นบนเวทีโลกของเวียดนาม
การที่เวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามอนุสัญญาดังกล่าวได้ยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือให้ความเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งต่อกิจกรรมต่างๆของสหประชาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลก นี่ยังเป็นการสานต่อความสำเร็จของการทูตเวียดนามในกระแสของยุคสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของการทูตเวียดนาม นาย เหงวียนมิงหวู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า
“เวียดนามวางตัวอย่างถูกต้องในกระแสของมนุษยชาติ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากหนึ่งในบทเรียนที่สำคัญของพรรค นั่นคือการผสานพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติกับพลังที่เข้มแข็งแห่งยุคสมัย เราได้ระบุแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างถูกต้อง ซึ่งกระแสระหว่างประเทศคือแนวโน้มระหว่างประเทศในเชิงบวก เช่น แนวโน้มแห่งสันติภาพ ร่วมมือและพัฒนา แนวโน้มการให้ความเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ เราได้ระบุแนวโน้มเหล่านี้และวางตัวในกระแสร่วมของประชาคมระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนา”
นอกจากนี้ ในปี 2025 เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดฟอรั่มอนาคตอาเซียน การประชุมสุดยอดฟอรั่มความร่วมมือเพื่อการเติบโตสีเขียวและเป้าหมายระดับโลกหรือ P4G ครั้งที่ 4 และการประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ UNCTAD รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรและฟอรั่มพหุภาคีต่าง ๆ ต่อไป เช่นเดียวกับคำยืนยันของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ในการกล่าวปราศรัยในการอภิปรายระดับสูงของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 79 ณ นครนิวยอร์กเมื่อเดือนกันยายนปี 2024
“ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันแต่ละประเทศต่างมีบทบาทสำคัญ และเวียดนามกำลังพยายามและเร่งปฏิบัติแนวทางนโยบายต่างๆเพื่อการสร้างอนาคตแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ เจริญรุ่งเรืองและยั่งยืน ไม่เพียงแต่สำหรับประชาชนเวียดนามเท่านั้น หากยังรวมถึงทุกประเทศในโลกอีกด้วย นั่นคือวิสัยทัศน์ เป้าหมายและคำมั่นที่เข้มแข็งของเวียดนามต่อประชาคมระหว่างประเทศ”
เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ เป้าหมายและคำมั่นอันแรงกล้าของเวียดนามต่อประชาคมระหว่างประเทศในปี 2025 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บุ่ยแทงเซิน ได้วิเคราะห์ว่า
“สถานะและบทบาทใหม่ของประเทศทำให้เราไม่เพียงแต่เข้าร่วมการหารือและกำหนดกลไกพหุภาคีและมีส่วนร่วมต่อความริเริ่มของประเทศอื่นๆเท่านั้น หากยังสามารถส่งเสริมบทบาทเป็นแกนหลักและเป็นผู้นำในปัญหาและกลไกสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อีกด้วย ในปี 2025 งานด้านการต่างประเทศพหุภาคีจะเน้นถึงการเตรียมจัดกิจกรรมที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพเป็นอย่างดี เวียดนามยังคงลงสมัครเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนวาระปี 2026-2028 และเป็นครั้งแรกที่เวียดนามลงสมัครให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับกฎหมายทะเลหรือ ITLOS วาระปี 2026-2035 นอกจากนี้ เวียดนามจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการรับมือความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ”
หนังสือ “เวียดนาม – ดาวรุ่งแห่งเอเชีย” (thuonghieucongluan.com.vn) |
เวียดนาม – ดาวรุ่งแห่งเอเชีย
เวียดนามไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางในการเป็นเวทีเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลกในปี 2025 เท่านั้น หากยังเป็นปีสำหรับการกำหนดสถานะของประเทศผ่านความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนศักยภาพการพัฒนาในระดับภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย
ท่านกำลังฟังบรรยากาศของพิธีเปิดตัวหนังสือ “เวียดนาม – ดาวรุ่งแห่งเอเชีย” ซึ่งเรียบเรียงโดยนักเขียนสองคนคือ Sam Korsmoe ชาวอเมริกันและ Brook Taylor ชาวนิวซีแลนด์ ตามความเห็นของนักเขียนสองคนนี้ จากที่เคยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย ปัจจุบัน เวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง นาย Brook Taylor เผยว่า
“ประเทศและคนเวียดนามทุกคนต่างมีสิทธิ์แสดงความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาได้ประสบความสำเร็จ และต้องมองไปสู่อนาคตด้วยความเชื่อว่า เวียดนามกำลังมีโอกาสที่หายากในประวัติศาสตร์เพื่อกลายเป็นประเทศที่มีสถานะที่สูงเด่นมากขึ้นบนเวทีโลก”
เวียดนามเป็นดาวรุ่งของเอเชียและจะยังคงเติบโตและพัฒนาต่อไปเพื่อกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในภูมิภาค เช่นเดียวกับไต้หวัน ประเทศจีนและสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งกลายเป็นเศรษฐกิจชั้นนำของเอเชีย นาย Sam Korsmoe เผยว่า
“ผมเชื่อมั่นว่า คำกล่าวของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม เกี่ยวกับยุคใหม่ของเวียดนามจะเป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้เวียดนามมีความคาดหวังในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือความมั่นใจ ความภาคภูมิใจและเป็นการยอมรับ เราเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในอีก 20 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน”
นาย Marc Knapper เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนาม |
ส่วนนาย Marc Knapper เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามได้เผยว่า เวียดนามกำลังเตรียมพร้อมอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพเพื่อก้าวไปสู่ศักราชใหม่ ซึ่งความมุ่งมั่นของเวียดนามจะนำไปสู่ผลงานต่างๆในปี 2025
“นี่คือการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ภายใต้การนำของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า จะนำไปสู่ผลงานที่สำคัญ โดยการปรับโครงสร้างหน่วยงานในระบบการเมืองให้กระทัดรัดจะช่วยสร้างสรรค์รัฐบาลที่ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการตัดสินใจปัญหาต่างๆอย่างรวดเร็ว สนับสนุนนักลงทุนในการเข้าถึงพลังงานสะอาด การปกป้องลิขสิทธิ์ทางปัญญาและแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะมีนักลงทุนจากประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐที่มาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น และได้ประโยชน์จากการมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม”
สำหรับศักยภาพเพื่อการปฏิบัติเป้าหมายจนถึงปี 2045 จะเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงของเวียดนาม นาย Marc Knapper เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามได้ให้ข้อสังเกตว่า
“เวียดนามมีศักยภาพการพัฒนาอีกมาก ซึ่งต้องส่งเสริมศักยภาพเหล่านี้ผ่านการปรับลดขั้นตอนต่างๆเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการและประชาชนส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และธุรกิจสตาร์ทอัพ เวียดนามมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานจำนวนมาก ซึ่งนี่เป็นความได้เปรียบ เวียดนามควรสนับสนุนและช่วยเหลือคนรุ่นใหม่ผ่านการสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้แก่การทำธุรกิจและมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ประชาชนเวียดนามมีความมั่นใจในอนาคตที่สดใสมากขึ้น โดยความหวังและความมุ่งมั่นเป็นเกียรติประวัติที่น่าประทับใจและภาคภูมิใจของประชาชนเวียดนาม”
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม กับชาวเวียดนามโพ้นทะเล |
เวียดนามเจริญก้าวหน้าพร้อมกับยุคสมัย
สำหรับคนเวียดนาม ปี 2025 เป็นนิมิตหมายที่สำคัญเพื่อเตรียมให้แก่การก้าวไปสู่ศักราชแห่งการผงาดของประชาชาติ ซึ่งนี่เป็นโอกาสเพื่อให้เวียดนามเจริญก้าวหน้าไปพร้อมกับประเทศใหญ่ๆตามแนวโน้มของยุคสมัย
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ยืนยันหลายครั้งว่า ตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2030 เป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์และเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของการปฏิวัติเวียดนามเพื่อเร่งบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 100 ปี ภายใต้การนำของพรรค สร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่การบรรลุเป้าหมาย 100 ปีการสถาปนาประเทศ
“เวียดนามมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็งแต่ประเทศเพื่อนบ้านและเพื่อนมิตรต่างๆทั่วโลกก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งถึงเวลาแล้วที่เราต้องเร่งพัฒนารุดหน้าไปพร้อมกับประเทศใหญ่ๆในโลก ซึ่งถ้าพลาดโอกาสนี้ ก็ถือเป็นการทำผิดต่อประชาชน”
ปัจจุบัน เวียดนามกำลังเน้นระดมแหล่งพลังต่างๆเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลระดับชาติเพื่อระบุเวียดนามในแผนที่เทคโนโลยีโลก พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะติดในกลุ่ม 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกลุ่ม 50 ประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลสูงที่สุดในโลกและในอีก 20 ปีข้างหน้า จะเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงโดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม มีภาคอุตสาหกรรมหลักที่ทันสมัยและเข้าร่วมระบบห่วงโซ่คุณค่าโลกมากขึ้น ศ.ดร.เหงวียนซวนทั้ง ผู้อำนวยการสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ ประธานสภาทฤษฎีส่วนกลางได้เผยว่า นี่แสดงให้เห็นถึงหลักนโยบายและนิมิตหมายของผู้นำพรรคเกี่ยวกับแนวคิดใหม่และนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ในการชี้นำปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาประเทศในระยะใหม่ ซึ่งจากความเข้าใจแนวโน้มของยุคสมัย มีกลไกส่งเสริมด้านที่สำคัญและความมุ่งมั่นประสานงานอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่า เวียดนามจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาประเทศ รองศ.ดร.หวูมิงเคือง จากโรงเรียนนโยบายสาธารณะลีกวนยู สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์และนักการทูต โตนหนึถินิง ได้ประเมินว่า
“เวียดนามจะก้าวไปสู่ระดับสากลเมื่อมีการวางนโยบายที่มีประสิทธิภาพในเวลาข้างหน้า โดยพรรคและรัฐบาลเวียดนามนับวันมีนโยบายที่เคร่งครัดและวิสัยทัศน์กว้างไกลมากขึ้น”
“หลังจากประเทศมีเอกราชมา 50 ปี เวียดนามได้ยืนหยัดเส้นทางที่เลือกเฟ้นจนพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ประสบผลสำเร็จที่น่าประทับใจและประชาชนมีความผาสุก อันเป็นการยืนยันสถานะและบทบาทบนเวทีโลก ตอนนี้ เวียดนามกำลังมุ่งสู่ศักราชแห่งการผงาด การพัฒนารุดหน้าต่อไปและการมีส่วนร่วมที่หลากหลาย”
สำหรับประชาชนเวียดนามต่างก็มีความเชื่อมั่นว่า อนาคตของประเทศจะนับวันสดใสมากขึ้น
“ในปี 2024 เวียดนามได้พัฒนาอย่างครอบคลุมและเข้มแข็ง ผมมีความประสงค์ว่า ในปี 2025 เวียดนามจะพัฒนาอย่างข้ามขั้นและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”
“พวกเรามั่นใจในเกียรติประวัติและจิตใจของคนเวียดนาม นี่คือโอกาสทองเพื่อเผยแพร่ภาพลักษณ์ประเทศเวียดนามที่พร้อมก้าวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่สดใสมากขึ้น”
“นี่คือปีแรกที่เวียดนามย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาดของประชาชาติ ผมและชมรมชาวเวียดนามโพ้นทะเลร่วมแรงร่วมใจ มุ่งใจสู่ปิตุภูมิและมีส่วนร่วมสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ”
ประชาชาติเวียดนามกำลังมีโอกาสทางประวัติศาสตร์เพื่อนำประเทศก้าวเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาดและยกระดับสถานะของเวียดนามบนเวทีโลก และเวียดนามก็ตระหนักในการรับ แนวโน้มการพัฒนาของมนุษยชาติเพื่อกำหนดสถานะในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้อย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้.