ความสัมพันธ์อียู-อังกฤษเข้าสู่ระยะความตึงเครียดใหม่

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นาง เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซีได้ประกาศว่า สหภาพยุโรปหรืออียูได้ตัดสินใจส่ง “จดหมายอย่างเป็นทางการ” ถึงอังกฤษ ซึ่งเป็นก้าวเดินแรกในกระบวนการทางนิตินัย เนื่องจากอังกฤษได้ละเมิดมาตราต่างๆของข้อตกลงถอนตัวออกจากอียู การเริ่มกระบวนการทางนิตินัยนี้แสดงให้เห็นว่า ความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งระหว่างอังกฤษกับอียูเกี่ยวกับเรื่องอังกฤษถอนตัวออกจากอียูยังไม่สามารถแก้ไขได้ และนี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างอังกฤษกับอียู
ความสัมพันธ์อียู-อังกฤษเข้าสู่ระยะความตึงเครียดใหม่ - ảnh 1นาง เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซี (EPA

สาเหตุของเรื่องดังกล่าวมาจากการที่อังกฤษไม่ยอมถอนมาตราที่สร้างความถกเถียงกันออกจากร่างกฎหมายตลาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายควบคุมข้อตกลงการค้าภายในอังกฤษหลัง Brexit การที่เมื่อวันที่ 29 กันยายน สภาล่างอังกฤษให้สัตยาบันร่างกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรปหรืออียู โดยเฉพาะ ตามความเห็นของประธานอีซี เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน นี่คือการละเมิดกฎหมายสากลและส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจ ก่อนหน้านั้น อีซีได้กำหนดเส้นตายเพื่อให้อังกฤษถอนมาตราที่สร้างความถกเถียงนี้ แต่อังกฤษกลับไม่ยอมรับข้อเรียกร้องดังกล่าว

ข้อโต้แย้งของอังกฤษและสหภาพยุโรป

อังกฤษยืนยันว่า ร่างกฎหมายตลาดภายในประเทศจะปกป้องงานทำและสันติภาพให้แก่ไอร์แลนด์เหนือ อังกฤษต้องการสร้างเครือข่ายทางนิตินัยที่ปลอดภัยเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของตลาดภายในประเทศ ค้ำประกันว่า บรรดารัฐมนตรีจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไอร์แลนด์เหนือและปกป้องผลประโยชน์จากกระบวนการสันติภาพ ทางการลอนดอนยังยืนยันว่า ร่างกฎหมายฉบับใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อค้ำประกันว่า การแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์และไอร์แลนด์เหนือจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อระยะเปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้นลงในปลายปีนี้

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้เรียกร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ว่า “เครือข่ายที่ปลอดภัยทางนิตินัย” ในกรณีที่อียู "ตีความแบบเอนเอียง" ต่อข้อตกลงหลัง Brexit อีกทั้งยืนยันว่า หน้าที่ของเขาคือค้ำประกันเอกภาพของตลาดภายในประเทศ ปกป้องกระบวนการสันติภาพของไอร์แลนด์เหนือและข้อตกลง Good Friday ที่ช่วยยุติการปะทะที่ยืดเยื้อเป็นเวลากว่า 30 ปีในเขตดินแดนนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ตามมาตราที่อังกฤษและอียูได้เห็นพ้องกัน ไอร์แลนด์เหนือจะยังคงอยู่ในเขตทางศุลกากรของสหราชอาณาจักรและจะถูกระบุในทุกข้อตกลงการค้าของอังกฤษในอนาคต แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการกำหนดพรมแดนแบบเข้มงวดที่เรียกว่า hard border ระหว่างไอร์แลนด์เหนือกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์เหนือจะยังคงเก็บภาษีตามข้อกำหนดของยุโรปต่อไป แต่ร่างกฎหมายเกี่ยวกับตลาดภายในประเทศกลับไม่กล่าวถึงเนื้อหานี้ต่อไอร์แลนด์เหนือ หากพยายามหาทางให้ไอร์แลนด์เหนือออกจากข้อกำหนดของตลาดร่วมอียู เพื่อธำรงตลาดเชื่อมโยงของสหราชอาณาจักรและค้ำประกันให้ทั้ง 4 ประเทศของสหราชอาณาจักรธำรงมาตรฐานและข้อกำหนดเหมือนกันเพื่อให้สินค้าสามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างเสรี

ดังนั้น อียูได้คัดค้านอย่างเข้มแข็งนับตั้งแต่รัฐบาลอังกฤษประกาศร่างกฎหมายนี้เนื่องจากได้แก้ไขมาตรา “กั้นหลัง” เพื่อหลีกเลี่ยงการฟื้นฟูพรมแดนแบบเข้มงวดระหว่างสาธารณรัฐไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือ ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อียูได้เรียกร้องให้จัดการประชุมฉุกเฉินกับอังกฤษ โดยรองประธานอียู Maros Sefcovic ได้เรียกร้องให้อังกฤษตอบคำถามเกี่ยวกับความวิตกกังวลของอียูเกี่ยวกับร่างกฎหมาย ประธานอีซี เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ได้เตือนอังกฤษว่า ร่างกฎหมายฉบับใหม่ของอังกฤษที่ถอนมาตราต่างๆในข้อตกลง Brexit ถ้าได้รับการอนุมัติ จะละเมิดกฎหมายสากลและส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจ ส่วนประธานรัฐสภายุโรป David Sassoli ได้เตือนว่า “ทุกความพยายามของอังกฤษที่ส่งผลกระทบต่อข้อตกลง Brexit จะสร้างความเสียหายที่รุนแรง” ในขณะที่เยอรมนีได้เรียกร้องให้อังกฤษให้ความเคารพข้อกำหนด Brexit อย่างเคร่งครัดซึ่งอังกฤษได้เห็นพ้องก่อนถอนตัวออกจากอียู

ผลกระทบ

รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ตระหนักได้ดีถึงผลกระทบเมื่อเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยหลังจากประกาศร่างกฎหมายเมื่อต้นเดือนกันยายน นายกรัฐมนตรีอังฤกษ บอริส จอห์นสัน ได้ยอมรับว่า กฎหมายนี้ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงแต่เพียงฝ่ายเดียวที่ละเมิดข้อตกลง Brexit กับอียู และจะละเมิดกฎหมายสากล “ตามวิธีการพิเศษและมีข้อจำกัด”

สาเหตุที่พูดเช่นนั้นเป็นเพราะในข้อตกลงถอนตัวที่ลงนามกับอียู อังกฤษจำเป็นต้องแจ้งให้สหภาพยุโรปทราบเมื่อทำข้อตกลงใด ๆ กับไอร์แลนด์เหนือ ชายแดนทางบกแห่งเดียวระหว่างอังกฤษกับอียูหลัง Brexit ดังนั้น ท่าทีแต่เพียงฝ่ายเดียวของทางการลอนดอนจึงถูกมองว่า ทำให้การเจรจาด้านการค้าระหว่างอังกฤษกับอียูซึ่งกำลังชะงักงันตกเข้าสู่วิกฤตอย่างรุนแรง อียูเคยเตือนหลายครั้งว่า การละเมิดข้อตกลง Brexit จะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าใดๆ

การที่สหภาพยุโรปหรืออียูเริ่มกระบวนการทางนิตินัยเพื่อตอบโต้อังกฤษถือว่าเป็นสิ่งที่อียูไม่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยอังกฤษมีเวลา 1 เดือนเพื่อตอบจดหมายของอีซี หลังจากนั้น อีซีจะพิจารณาว่า คำตอบจะสมเหตุสมผลหรือไม่และสามารถเรียกร้องให้อังกฤษถอนมาตราที่สร้างความถกเถียงออกจากร่างกฎหมายได้หรือไม่ ซึ่งถ้าประสบความล้มเหลว อีซีสามารถฟ้องร้องอังกฤษต่อศาลยุติธรรมยุโรปที่มีสำนักงานในประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งหมายความว่า ความสัมพันธ์อังกฤษ-อียูจะตกเข้าสู่ระยะที่ตึงเครียดครั้งใหม่.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด