ความสัมพันธ์เวียดนาม-กัมพูชา จะจารึกในประวัติศาสตร์ตลอดกาล

(VOVworld)-วันที่7มกราคมก่อนหน้านี้35ปี โดยได้รับการช่วยเหลือของทหารอาสาสมัครเวียดนาม กองทัพและประชาชนกัมพูชาได้รบชนะกองกำลังเขมรแดง โค่นล้มระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปลดปล่อยประเทศ ซึ่งชัยชนะครั้งนั้นได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เป็นนิมิตหมายของจิตใจแห่งความสามัคคีระหว่างประเทศที่สื่อสัตย์และบริสุทธิ์ระหว่างสองประชาชาติ

(VOVworld)-วันที่7มกราคมก่อนหน้านี้35ปี จากการช่วยเหลือของทหารอาสาสมัครเวียดนาม กองทัพและประชาชนกัมพูชาสามารถมีชัยเหนือกองกำลังเขมรแดง โค่นล้มระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปลดปล่อยประเทศ ซึ่งชัยชนะครั้งนั้นได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เป็นนิมิตหมายของจิตใจแห่งความสามัคคีที่ซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ระหว่างสองประชาชาติ นำประเทศกัมพูชาก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่แห่งเอกราชและเสรีภาพรวมทั้งเปิดหน้าใหม่แห่งความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนบ้านระหว่างเวียดนาม-กัมพูชา
ความสัมพันธ์เวียดนาม-กัมพูชา จะจารึกในประวัติศาสตร์ตลอดกาล - ảnh 1
ทหารอาสาเวียดนามกับประชาชนกัมพูชา

ตลอด35ปีที่ผ่านมา ประชาชนกัมพูชาไม่เคยลืมช่วงเวลาอันมืดมนที่สุดของประเทศที่ต้องอยู่ภายใต้ระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เหี้ยมโหด ซึ่งเป็นความเลวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของกัมพูชาและของมนุษยชาติ โดยในเกือบ4ปีที่กุมอำนาจในกัมพูชา กองกำลังพอลพตได้สังหารชาวกัมพูชาเกือบ1/3จากจำนวนประชากร8ล้านคน  นอกจากนั้นกองกำลังพอลพตยังรุกรานเขตชายแดน ละเมิดอธิปไตยของเวียดนาม และมีการกระทำที่โหดร้ายต่อประชาชนเวียดนาม

ชัยชนะของภารกิจที่บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม

ต่อการรุกรานที่อุกอาจของทางการเขมรแดงโดยพอลพตเป็นผู้นำในเขตชายแดนระหว่างเวียดนามและกัมพูชา  จากภัยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของประเทศเพื่อนบ้านและตอบรับคำเรียกร้อง “ขอให้ช่วยพวกเรา ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนเท่านั้นหากช่วยทั้งประชาชาติเราอีกด้วย” ที่แนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชาได้เสนอ เวียดนามได้ตัดสินใจส่งกำลังทหารไปช่วยประเทศกัมพูชาซึ่งก็เป็นการป้องกันการเคลื่อนไหวที่รุกรานอธิปไตยของเวียดนามในเขตชายแดนตะวันตกภาคใต้ของพอลพต โดยการตัดสินใจของเวียดนามไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติสิทธิการป้องกันตนเองที่ชอบธรรมเพื่อพิทักษ์รักษาปิตุภูมิอันศักดิ์สิทธิ์ของตนเท่านั้นหากยังช่วยประชาชนกัมพูชาขจัดระบอบพอลพต หลุดพ้นจากภัยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สร้างชัยชนะวันที่7มกราคมปี1979 ซึ่งเป็นชัยนะแห่งภารกิจที่เที่ยงธรรมและบริสุทธิ์แห่งความสามัคคีเพื่อการต่อสู้ของทั้งสองประชาชาติ

ช่วยเพื่อนบ้านฟื้นคืนชีวิต

หลังจากได้ช่วยประชาชนกัมพูชาโค่นล้มระบอบพอลพต ตามคำเรียกร้องของแนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชาและรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลกัมพูชาในช่วงปี1979-1989 พรรคและรัฐบาลเวียดนามได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญไปช่วยกัมพูชาปฏิบัติภารกิจการฟื้นคืนชีวิตใหม่ให้แก่ประชาชาติ ทั้งการป้องกันภัยหิวโหย โรคระบาดและการสร้างสรรค์กลไกการบริหาร รองศ.ดร.เหงวียนแหมงห่า หัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์ของพรรค แห่งสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์เผยว่า“ตลอดเวลา4ปีที่กองกำลังกัมพูชาประชาธิปไตยเรืองอำนาจ พวกเขาได้ทำลายประเทศกัมพูชาจนย่อยยับในทุกด้าน ประชาชนถูกสังหาร สภาพเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำเสื่อมโทรมถึงขีดสุด ซึ่งภายในเวลา10ปี กองกำลังอาสาสมัครเวียดนามได้ให้ความช่วยเหลือทางการและกองทัพกัมพูชาให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและต่อต้านการเครื่อนไหวของกองกำลังพอลพต
35ปีที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกได้เห็นถึงการฟื้นคืนชีวิตอย่างมหัศจรรย์ของประเทศกัมพูชา จากเดิมที่เป็นแผ่นดินแห่งความตาย สงครามและการแบ่งแยกได้พัฒนาเป็นประเทศที่มีสันติสุข สามัคคี มีประชาธิปไตยและเจริญก้าวหน้า
ความสัมพันธ์เวียดนาม-กัมพูชา จะจารึกในประวัติศาสตร์ตลอดกาล - ảnh 2
นายกฯฮุนเซนพบปะกับอีตผู้เชี่ยวชาญและทหารอาสาเวียดนามในกรุงฮานอย

ความสัมพันธ์ร่วมมือพิเศษ

ความสัมพันธ์มิตรภาพที่ยาวนานและดีงามรวมทั้งความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในตลอด35ปีที่ผ่านมา โดยเวียดนามได้สงวนมิตรไมตรีและความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังและบริสุทธิ์ตั้งแต่ช่วงเพิ่งปลดปล่อยประเทศไปจนถึงระยะแห่งการพัฒนาปัจจุบัน นาย คุนชาที อดีตรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมขนส่งกัมพูชา ที่ปรึกษารองนายกฯกัมพูชาได้ยืนยันว่า“พวกเราจะไม่มีวันลืมความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ของเวียดนาม โดยชาวกัมพูชาถือว่านี่คือมิตรไมตรีที่อมตะที่ต้องส่งเสริมและสานต่อให้แก่ชนรุ่นหลัง ถึงแม้ประเทศของเราได้รับการปลดปล่อยมาแล้ว35ปีแต่รัฐบาลเวียดนามยังคงให้ความสนใจช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศได้รับการพัฒนาขยายทั้งด้านกว้างและส่วนลึกผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือนี้จะได้รับการธำรงพัฒนาตลอดไป"
“การที่เวียดนามได้ให้การช่วยเหลือกัมพูชาในช่วงที่ลำบากที่สุดนั้นถือเป็นสิ่งที่ใช่ว่าประเทศไหนก็ทำได้” นี่เป็นคำพูดจากใจจริงของนายกฯฮุนเซนในโอกาสเดินทางมาเยือนเวียดนาม ซึ่งนายกฯฮุนเซนยังได้ย้ำว่า ประเทศและประชนชากัมพูชา รวมทั้งประวัติศาสตร์กัมพูชาจะจารึกจดจำส่วนอุทิศและบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ทหารอาสาเวียดนามที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างประเทศอันสูงส่งในประเทศกัมพูชาจนสำเร็จ ยากที่จะหาประเทศใดที่จะมีการช่วยเหลืออย่างบริสุทธิ์เที่ยงธรรมดั่งเวียดนาม และสิ่งนี้ได้เป็นการยืนยันถึงความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงว่า ถึงแม้โลกจะผันผวนแค่ไหนแต่ความสามัคคีระหว่างสองประชาชาติเวียดนามกัมพูชาเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันแตกแยก./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด