ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดีย : ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

(VOVworld) - ในปี 2017 เวียดนามและอินเดียจะรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและครบรอบ 10ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยในการสัมมนาเชิงวิชาการนานาชาติเกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา บรรดานักการทูตและนักวิชาการได้ยืนยันว่า ในเวลาที่ผ่านมา การพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดียได้ตอบสนองความต้องการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแต่ละประเทศและมีส่วนร่วมรักษาสันติภาพในโลก ซึ่งบนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีนี้ เวียดนามและอินเดียควรผลักดันความร่วมมือให้พัฒนาตามส่วนลึกมากขึ้น

(VOVworld) - ในปี 2017 เวียดนามและอินเดียจะรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและครบรอบ 10ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยในการสัมมนาเชิงวิชาการนานาชาติเกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา บรรดานักการทูตและนักวิชาการได้ยืนยันว่า ในเวลาที่ผ่านมา การพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดียได้ตอบสนองความต้องการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแต่ละประเทศและมีส่วนร่วมรักษาสันติภาพในโลก ซึ่งบนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีนี้ เวียดนามและอินเดียควรผลักดันความร่วมมือให้พัฒนาตามส่วนลึกมากขึ้น

ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดีย : ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา - ảnh 1
นาย โตนซิงแถ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอินเดียในกิจกรรมแนะนำอาหารเวียดนามในประเทศอินเดีย (Photo: vietnamplus.vn)

เวียดนามและอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน โดยได้รับการทำนุบำรุงจากประธานโฮจิมินห์และนายกรัฐมนตรียาวาหะราล เนห์รู รวมทั้งผู้นำและประชาชนทั้งสองประเทศก็ได้ส่งเสริมให้ความสัมพันธ์นี้นับวันพัฒนาอย่างยั่งยืน  ทั้ง 2 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 7 มกราคมปี 1972   จนถึงปี 2007 ก็ได้ยกระดับเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์  และในปี 2016 ทั้ง 2 ประเทศได้เห็นพ้องกันยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน
ตอบสนองความต้องการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแต่ละประเทศ
ในตลอด 45ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ด้านการเมืองและการทูตระหว่างเวียดนามกับอินเดียได้รับการยกระดับให้พัฒนาตามส่วนลึก นาย เหงวียนซวนทั้ง หัวหน้าสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์ได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่คือความสัมพันธ์ด้านการเมืองและการทูตที่ดีงามบนพื้นฐานของความไว้วางใจทางการเมืองในระดับสูง
“ทั้ง 2 ประเทศมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนทัศนะในปัญหาต่างๆทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงปัญหาที่ร้อนระอุต่างๆ โดยเฉพาะอินเดียได้ประสานงานกับเวียดนามเพื่อรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและความร่วมมือในการเดินเรืออย่างเสรีในทะเลตะวันออก ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ขยายการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงของพรรค รัฐ รัฐสภาและรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมือง ในหลายปีมานี้ ผู้นำของเวียดนามได้เดินทางไปเยือนอินเดียและ ผู้นำอินเดียก็ได้มาเยือนเวียดนาม รวมทั้งมีการจัดฟอรั่มต่างๆ”
ในด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบัน อินเดียเป็นหนึ่งใน 10 หุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ส่วนเวียดนามเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อันดับ 4 ของอินเดียในกลุ่มอาเซียน โดยอัตราการแลกเปลี่ยนการค้าขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 16 ต่อปี  ส่วนมูลค่าการค้าต่างตอบแทนกำลังอยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020  ส่วนสำหรับความร่วมมือด้านการลงทุน เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจจากสถานประกอบการอินเดีย โดยขณะนี้ มีโครงการร่วมมือของสถานประกอบการอินเดียในเวียดนามกว่า 130 โครงการ โดยเฉพาะโครงการร่วมมือด้านการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลี่ยม ซึ่งนอกเหนือจากโครงการขุดเจาะปิโตรเลี่ยม 3 แปลงที่สถานประกอบการอินเดียกำลังลงทุนแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ เวียดนามได้เชิญอินเดียเข้ามาทำการสำรวจปิโตรเลี่ยม อีก 5 แปลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนามบริเวณทะเลตะวันออก นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังให้ความสนใจต่อความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น ไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน
ในด้านความมั่นคงและกลาโหม ความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหมถือเป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยนอกเหนือจากการเยือนระหว่างกันของบรรดารัฐมนตรีกลาโหมแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายได้วางแผนความร่วมมือด้านกลาโหมระยะปี 2015 – 2020 อย่างเป็นรูปธรรมและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในการรับมือปัญหาความมั่นคง การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง การรักษาความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเข้าร่วมกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ  ศาสตราจารย์ดร.แหมกกวางทั้ง จากสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์แสดงความเห็นว่า“ทั้ง 2 ฝ่ายตระหนักได้ดีและได้รับประโยชน์จากความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ โดยอินเดียต้องการแหล่งพลังที่เข้มแข็งเพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านเศรษฐกิจ กลาโหมและวัฒนธรรมเพื่อกลายเป็นประเทศใหญ่ที่มีอิทธิพลในภูมิภาคและโลก ส่วนเวียดนามต้องการร่วมมือกับทุกประเทศ โดยเฉพาะการกระชับความสัมพันธ์กับอินเดีย ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินเดียในตลอด 45 ปีที่ผ่านมาได้ตอบสนองความต้องการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแต่ละประเทศและการคงอยู่ของมนุษยชาติ ซึ่งต้องได้รับการผลักดันมากขึ้น”
กระชับความร่วมมือให้พัฒนาตามส่วนลึกมากขึ้น
ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดียในเวลาข้างหน้าไม่เพียงแต่เป็นการสานต่อผลสำเร็จที่ได้บรรลุเท่านั้น หากยังต้องได้รับการขยายมากขึ้น  ศาสตราจารย์ดร.แหมกกวางทั้งได้เผยว่า ต้องทำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินเดีย โดยเวียดนามควรยกระดับศูนย์วิจัยอินเดียเป็นศูนย์วิจัยระดับชาติ ส่วนอินเดียก็ควรจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกันและทั้ง 2 ฝ่ายควรกระชับความร่วมมือในด้านต่างๆตามข้อตกลงที่ได้บรรลุ  นาย Neeklakantan Ravi อดีตเอกอัครราชทูตอินเดียประจำเวียดนามและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงดูแลตะวันออกสังกัดกระทรวงการต่างประเทศอินเดียได้เสนอว่า“ทั้ง 2 ฝ่ายควรเชื่อมโยงกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของสายการบินต่างๆ โดยบริษัท Jetstarที่มีหุ้นติดประกาศของเวียดนามได้มีส่วนช่วยสร้างความก้าวหน้าให้แก่หน่วยงานการบินของเวียดนาม ส่วนภาคเอกชนของอินเดียก็มีการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ซึ่งทั้ง 2 ประเทศสามารถสนับสนุนกันเพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตรงระหว่างเวียดนามกับอินเดีย”
ส่วนรองศาสตราจารย์ดร.เลวันเกือง อดีตหัวหน้าสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์สังกัดกระทรวงรักษาความมั่นคงภายในได้เผยว่า“อินเดียเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผมมีความประสงค์ว่า ทั้ง 2 ประเทศควรกระชับความร่วมมือเที่เป็นรูปธรรม เช่น การก่อสร้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียในเวียดนาม  การรับมือกับความเสี่ยงจากปัญหาความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต การรักษาความมั่นคงในการเดินเรือและการเดินอากาศในทะเลตะวันออกและมหาสมุทรอินเดียและประสานงานกันในฟอรั่มทวิภาคีและพหุภาคี ตลอดจนผลักดันการท่องเที่ยวเพราะประชาชนทั้ง 2 ประเทศต่างมีความประสงค์เดินทางไปท่องเที่ยวในทั้ง 2 ประเทศมากขึ้น”
ในตลอด 45ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอินเดียได้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆบนพื้นฐานของความไว้วางใจทางการเมือง ซึ่งจากการฟันฝ่าอุปสรรคและพลังขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนา ความสัมพันธ์นี้กำลังมีศักยภาพมากมายเพื่อการพัฒนาที่ดีงามและเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ประชาชาติ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด