งานด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความหมายแห่งความเป็นมนุษย์มากที่สุดในเวียดนามคือการทำให้ประชาชน 100 ล้านคนมีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุก
Thu Hoa -  
(VOVWORLD) - ในการกล่าวปราศรัยในการประชุมครบองค์ฟอรั่มระดับสูงเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ณ กรุงฮานอยนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งได้ยืนยันว่างานด้านสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวียดนามคือการทำให้ประชาชน 100 ล้านคนมีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกผู้นำรัฐบาลเวียดนามได้ปฏิบัตินโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเข้มแข็งเพื่อค้ำประกันสิทธิมนุษยชนให้ดีที่สุดในสภาวการณ์ที่ประเทศกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19และพัฒนาเศรษฐกิจในยุคปฏิวัติอุสาหกรรม4.0
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชื้ง เข้าร่วมฟอรั่มระดับสูงเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 (VNA) |
คนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการปรับตัวและพัฒนาของแต่ละประเทศในยุคดิจิทัลและในการฟื้นฟูจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการส่งเสริมปัจจัยด้านมนุษย์อย่างเต็มที่ อีกทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเมือง สร้างสรรค์เศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม ไม่ยอมแลกสวัสดิการสังคม สิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้าและความยุติธรรมทางสังคมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักไม่เพียงแต่ต่อเวียดนามเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบต่อโลกอีกด้วย ตลอดจน ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการใช้สิทธิมนุษยชนและความพยายามของรัฐบาลเวียดนามในการค้ำประกันสิทธิของประชาชน จนถึงปัจจุบัน เวียดนามสามารถควบคุมการระบาดได้ในขั้นพื้นฐานแล้ว ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด และเป็นฝ่ายรุกในการรับมือ สร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อผลักดันการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม หลังจากปฏิบัติแนวทางใหม่ในการรับมือการแพร่ระบาดเป็นเวลา 2 เดือน สถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามได้ฟื้นฟูและมีสัญญาณที่สดใสมากขึ้น ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.5-3 ในปี 2021 เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้รับการค้ำประกัน การนำเข้าและส่งออกเพิ่มขึ้น ดุลการค้าฟื้นตัว การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ห่วงโซ่อุปทาน การผลิตและแรงงานกลับมาทำงานอีกครั้ง สวัสดิการสังคมได้รับการค้ำประกัน ชีวิตของประชาชนกลับมามีเสถียรภาพ ประชาชน สถานประกอบการ นักลงทุนและเพื่อนมิตรชาวต่างชาติยังคงมีความเชื่อมั่น นอกจากนั้น เสถียรภาพทางการเมือง ความมั่นคงด้านกลาโหมได้รับการรักษา จิตใจแห่งความสามัคคีชนในชาติได้รับการส่งเสริมอย่างเข้มแข็ง
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมนิทรรศการเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 (VNA) |
เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน สามารถค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในสภาวการณ์ที่ต้องปรับตัวเข้ากับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และแก้ไขผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เวียดนามได้ประกาศใช้โครงการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลจนถึงปี 2025 กำหนดแนวทางจนถึงปี 2030 ใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลเพื่อก้าวไปสู่รูปแบบการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิด้านสาธารณสุข การศึกษา วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมจัดทำกฎหมายและสร้างสรรค์นิติรัฐอย่างเข้มแข็ง นอกจากนั้น ในปี 2021เวียดนามยังได้จัดทำรายงานระยะกึ่งวาระโดยสมัครใจเพื่อปฏิบัติข้อเสนอแนะตามกลไกการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนหรือ UPR รอบที่ 3 เพื่อส่งถึงสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ ความโปร่งใสและความจริงใจของเวียดนามต่อ UPR และการปฏิบัติคำมั่นระหว่างประเทศเกี่ยวกับการค้ำประกันสิทธิมนุษยชน ผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกได้มีส่วนร่วมสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การค้ำประกันการใช้สิทธิของประชาชน ผลักดันการยกระดับคุณภาพการเติบโตด้วยคำมั่นเกี่ยวกับแรงงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายเกี่ยวกับการค้ำประกันและการผลักดันสิทธิมนุษยชน เช่น มติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 คือ "ประชาชนเป็นทั้งศูนย์กลางและเป็นหัวข้อหลัก" อีกทั้งเป็นพลังขับเคลื่อนและเป้าหมายของสังคมเพื่อสร้างสรรค์โลกที่ดีขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับแผนการที่เป็นรูปธรรมเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึงเสาหลักต่างๆของเวียดนาม โดยเน้นยกระดับความสามารถด้านสาธารณสุข ค้ำประกันสวัสดิการสังคม สนับสนุนสถานประกอบการ แก้ไขอุปสรรคให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล การจัดทำและปรับปรุงกลไกให้มีความสมบูรณ์ ส่งเสริมแหล่งพลังของมนุษย์อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลาง เจ้าของ พลังขับเคลื่อนและเป้าหมายของการพัฒนา ยกระดับชีวิตของประชาชนทั้งด้านวัตถุและจิตใจให้ดีขึ้น รักษาเสถียรภาพการเมือง สังคม ผลักดันงานด้านกลาโหม ความมั่นคง ยกระดับประสิทธิภาพงานด้านการต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก สร้างบรรยากาศและอำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาประเทศ
ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง งานด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความหมายแห่งความเป็นมนุษย์มากที่สุดในเวียดนามคือการดูแลให้ประชาชน 100 ล้านคนมีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุก มีประชาธิปไตย สงบสุขและปลอดภัย ดังนั้น เวียดนามจึงพยายามพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อส่งเสริมปัจจัยมนุษย์ อีกทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเมือง พัฒนาเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม ไม่แลกความมั่นคง สวัสดิการสังคม สิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้าและความยุติธรรมทางสังคมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เวียดนามยังคงปฏิบัตินโยบายด้านการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งพาตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย เป็นฝ่ายรุก มีความกระตือรือร้นและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในทุกด้านอย่างกว้างลึก เป็นเพื่อนมิตร เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและสมาชิกที่กระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบของประชาคมโลกเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนและการดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด.
Thu Hoa