(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้มีการจัดการประชุมสุดยอดจีนและสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งช่วยให้ทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ทวิภาคีและกำหนดความเข้าใจให้ตรงกัน ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์มีความมั่นคงและส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่นำผลประโยชน์มาสู่ทุกฝ่าย
ประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง กับนาย ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรป และนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมปี 2023 (THX) |
การประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรปที่มีขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม คือการประชุมสุดยอดครั้งที่ 24 ระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยตัวแทนของสหภาพยุโรปที่เข้าร่วมประชุมกับนาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนและนาย หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนมีอาทิ นาย ชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรป นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรือ EC และนาย โจเซพ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง นี่คือการประชุมผู้นำโดยตรงครั้งแรกระหว่างจีนกับอียูในรอบ 4 ปี หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ
สร้างความสมดุลในด้านความสัมพันธ์ทางการค้า
การค้าได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรปในครั้งนี้ ตามความเห็นของนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรือ EC จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าที่สำคัญที่สุดของอียู โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณกว่า 2 พันล้านยูโรต่อวัน แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอียูขาดดุลการค้าจีนในระดับสูง ตามข้อมูลสถิติของหน่วยงานศุลกากรจีนที่ประกาศเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมได้แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา จีนได้ส่งออกสินค้า รวมมูลค่ากว่า 4 แสน 5 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังสหภาพยุโรป และนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป รวมมูลค่ากว่า 2 แสน 5 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไข และสิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติคืออียูและจีนต้องสนทนาเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมา
“เราเห็นพ้องกันว่า ตอนนี้ เรากำลังมีปัญหาความแตกต่างในหลาย ๆ เรื่องที่ต้องหารืออย่างกว้างขวางในระดับสูงสุด นี่เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก และยุโรปจะแสวงหาการบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรม”
เพื่อสร้างความสมดุลของความสัมพันธ์การค้าทวิภาคี เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหภาพยุโรปมีความประสงค์ว่า จีนจะเปิดตลาดภายในประเทศให้แก่ผลิตภัณฑ์ของยุโรปมากขึ้น เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นมสำหรับเด็กและเครื่องสำอาง ส่วนด้านนายกรัฐมนตรีจีน หลี่เฉียง ยืนยันว่า จีนไม่สร้างอุปสรรคให้แก่บริษัทในยุโรป และทั้งสองฝ่ายต้องมีความเห็นอย่างมีภาวะวิสัยและกว้างลึกมากขึ้นเกี่ยวกับต้นเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างจีนกับสหภาพยุโรป รวมถึงอุปสงค์ที่ลดลงในจีนเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ตลอดจนผลิตภาพแรงงานในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรีจีนยังแสดงความเห็นว่า ยุโรปต้องมีปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยง “การนำปัญหาทางการค้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาการเมืองและความมั่นคง”
สำหรับหัวข้อเศรษฐกิจอื่นๆ ผู้นำของสหภาพยุโรปและจีนได้หารืออย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของแต่ละฝ่าย โดยสำหรับจีนคือนโยบาย “การแลกเปลี่ยนการค้าทวิภาคี” และสหภาพยุโรปคือยุทธศาสตร์ “ลดความเสี่ยง” เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน ตามความเห็นของนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ทั้งสองฝ่ายมีการวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์ที่คล้ายคลึงกันและมีการเจรจาที่ชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงของความแตกแยกทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ประธาน EC ยืนยันว่าไม่ต้องการเห็นสถานการณ์นี้ในสหภาพยุโรป
การพบปะระหว่างประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง กับนาย ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรป และนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมปี 2023 (THX) |
รักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคงเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
แม้การหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีขึ้นอย่างตรงไปตรงมาจะไม่สามารถสร้างก้าวกระโดดใดๆ แต่บรรดาผู้นำของอียูและจีนก็พยายามส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจและบรรลุความคืบหน้าในบางประเด็นโดยจีนและอียูเห็นพ้องที่จะผลักดันความร่วมมือในการตรวจสอบข้อกำหนดและจำกัดการถ่ายทอดความรู้ ซึ่งช่วยให้บริษัทในยุโรปดำเนินงานในตลาดจีนได้สะดวกมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นเกี่ยวกับปฏิบัติการเพื่อรับมือความท้ายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญญาประดิษฐ์ หรือการแก้ไขปัญหาการปะทะในพื้นที่ต่าง ๆ
ตามความเห็นของนาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีน ทั้งจีนและสหภาพยุโรปต่างเป็นกองกำลังที่สำคัญในการส่งเสริมลัทธิพหุภาคีระดับโลกและสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างถูกต้องเพื่อนำผลประโยชน์มาสู่ทุกฝ่าย
“เราต้องมีทัศนะที่ถูกต้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน จีนและสหภาพยุโรปควรเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง สร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เชิงยุทธศาสตร์ เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่นำไปสู่ผลประโยชน์ ส่งเสริมการสนทนาและความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่ายและร่วมกันรับมือความท้าทายระดับโลก”
เช่นเดียวกับความเห็นดังกล่าว นาย ชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรปได้ยืนยันว่า ถึงแม้ว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความแตกต่างกันมากมาย แต่ทั้งจีนและสหภาพยุโรปต่างก็มีความรับผิดชอบที่สำคัญต่อโลก การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพในโลกและการส่งเสริมการปฏิรูปธรรมาภิบาลระดับโลก
“เราได้บรรลุความคืบหน้าในด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน และยุโรปจะยังคงมีการแลกเปลี่ยนกับจีนบนพื้นฐานแห่งความโปร่งใส คาดการณ์ได้และต่างตอบแทนกัน ปัจจุบัน เราต้องส่งเสริมความคืบหน้าเหล่านั้นเพื่อให้ความสัมพันธ์สหภาพยุโรป-จีนมีความสมดุลและมีผลประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมกันปฏิบัติเพื่อรับมือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก"
ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำมั่นหรือข้อตกลงใดๆ แต่การประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรปก็บรรลุผลงานที่น่ายินดี นาย Noah Barkin ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนมาร์แชลล์เยอรมนีได้แสดงความเห็นว่า การประชุมสุดยอดครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จในการช่วยให้ทั้งสองฝ่ายจัดการความแตกต่างอย่างมีความรับผิดชอบ ป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีเลวร้ายลงและช่วยให้ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความกังวลของแต่ละฝ่ายอย่างจริงจังเพื่อร่วมกันแสวงหามาตรการแก้ไข