(VOVWORLD) -วันที่14ธันวาคม ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ได้มีการจัดการประชุมผู้นำสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดครั้งสุดท้ายของอียูในปี2017 โดยที่ประชุมจะพิจารณาอนุมัติข้อตกลงการเจรจาเกี่ยวกับปัญหา Brexitระหว่างอังกฤษกับอียูที่ได้บรรลุเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพื้นฐานเพื่อให้อังกฤษและอียูย่างเข้าสู่ระยะต่อไปของการเจรจา ประชามติได้ตั้งความหวังว่า ภายหลังการประชุมนี้ อียูจะประกาศร่างสนธิสัญญาBrexitในต้นปี2018 ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก
การประชุมรัฐสภายุโรป ณ เมืองStrasbourg ภาคกลางของฝรั่งเศส (Photo: AFP/TTXVN) |
ตามสนธิสัญญาลิสบอนฉบับปี1973ของอียู อังกฤษต้องใช้เวลาอย่างน้อย2ปีเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่การแยกตัวออกจากอียูหรือ Brexit นับตั้งแต่ปี2016 เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่กระบวนการ Brexit ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้จัดการเจรจาหลายรอบแต่ยังไม่สามารถบรรลุผลงานตามความคาดหวังเนื่องจากทั้งสองฝ่ายยากที่จะบรรลุเสียงพูดเดียวกันในการแก้ไขความขัดแย้งต่างๆ
ก้าวเดินที่สำคัญในกระบวนการเจรจา
การที่อังกฤษและอียูบรรลุความเห็นพ้องเกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ช่วยแก้ไขความชะงักงันในการเจรจาระหว่างสองฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่อังกฤษและอียูได้ประเมินว่า การบรรลุข้อกำหนดใหม่ถือเป็นความคืบหน้าที่จะสร้างพื้นฐานเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอังกฤษกับอียู
3ปัญหาหลักที่ช่วยแก้ไขความชะงักงันคือสิทธิของพลเมืองอียู 3 ล้านคนที่กำลังอาศัยในประเทศอังกฤษและสิทธิของพลเมืองอังกฤษที่อาศัยในประเทศยุโรป ปัญหาชายแดนระหว่างสาธารณรัฐไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือสังกัดสหราชอาณาจักร จำนวนเงินที่อังกฤษต้องจ่ายเนื่องจากการถอนตัวออกจากอียู
ซึ่งตามนั้น อังกฤษได้มีการประนีประนอมในระดับหนึ่งเมื่อรับรองอำนาจของศาลยุติธรรมยุโรปในบางกรณีที่เกี่ยวข้องถึงสิทธิและผลประโยชน์ของพลเมืองอียู3ล้านคนที่อาศัยและทำงานในอังกฤษ อังกฤษก็ค้ำประกันที่จะไม่จัดตั้งพรมแดนถาวรที่ไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit เนื่องจากไอร์แลนด์เหนือเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร หลังBrexit เขตนี้จะปฏิบัติตามระเบียบภาษีศุลกากรและการบริหารตลาดของอังกฤษ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้สาธารณรัฐไอร์แลนด์มีความวิตกกังวลว่า การกำหนดเส้นแบ่งพรมแดนถาวรจะส่งผลกระทบต่อข้อตกลงสันติภาพBelfastที่ได้ลงนามเมื่อวันที่10เมษายนปี1998และส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างสองฝ่าย
และสุดท้ายคือหน้าที่ทางการเงิน ซึ่งเป็นปัญหาที่ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากอังกฤษก็ได้รับการแก้ไข โดยอังกฤษยอมจ่ายเงินจำนวน4หมื่นล้าน-4หมื่น5พันล้านยูโรให้แก่อียู
จากการบรรลุความก้าวหน้าดังกล่าว ก่อนการประชุมผู้นำอียู1วัน รัฐสภายุโรปได้เร่งรัดให้บรรดาผู้นำอียูได้เปิดไฟเขียวให้แก่การจัดการเจรจาในระยะต่อไป ส่วนนาย Michel Barnier หัวหน้าคณะนักเจรจาของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับปัญหา Brexitได้ยืนยันว่า ความคืบหน้าดังกล่าวจะช่วยมุ่งสู่การบรรลุข้อตกลงที่มีพื้นฐานทางนิตินัย ซึ่งระยะต่อไปของการเจรจาจะเน้นหารือเกี่ยวกับระยะเปลี่ยนผ่านที่สั้นและชัดเจนและความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายในอนาคต
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ (Photo: AFP/TTXVN) |
อุปสรรคให้แก่ระยะต่อไป
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า กระบวนการเจรจา Brexitระหว่างอังกฤษกับอียูได้บรรลุความคืบหน้าแต่ได้เกิดหลายปัญหาก่อนการประชุมผู้นำอียู นั่นคือการประกาศของนาย เดวิดเดวิส รัฐมนตรีที่ดูแลปัญหาBrexitของอังกฤษว่า อังกฤษจะไม่จ่ายเงินชดเชย มูลค่า4หมื่นล้าน-4หมื่น5พันล้านยูโรถ้าหากอียูไม่ค้ำประกันการปฏิบัติข้อตกลงการค้าหลังBrexit ถึงแม้นาย เดวิด เดวิส ได้ยืนยันว่า นี่เป็นเพียงการประกาศเท่านั้นแต่ก็ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากอียู โดยนาย Michel Barnier หัวหน้าคณะนักเจรจาของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับปัญหา Brexit ได้ปฏิเสธการประกาศดังกล่าว พร้อมทั้ง ยืนยันว่า แถลงการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับการกำหนดความสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคตจะมีขึ้นในช่วงเวลาที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียู
ซึ่งความผันผวนอื่นที่จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการเจรจาระหว่างอังกฤษกับอียูคือการที่รัฐสภาอังกฤษได้เห็นพ้องเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างกฎหมายเกี่ยวกับ Brexitของรัฐบาล ซึ่งบรรดาส.ส.มีสิทธิ์ลงคะแนนเกี่ยวกับข้อตกลงสุดท้ายระหว่างอังกฤษกับอียู จากการตัดสินใจดังกล่าว รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ต้องยอมรับการควบคุมของรัฐสภาต่อกระบวนการ Brexit โดยรัฐสภามีสิทธิ์ที่เรียกร้องให้บรรดารัฐมนตรีหันมานั่งเจรจาถ้าหากเห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่เหมะสม
ตามกำหนดการ อังกฤษจะถอนตัวออกจากอียูในวันที่29มีนาคมปี2019 ซึ่งต้องทำการเจรจาต่างๆให้เรียบร้อยเพื่อให้รัฐสภาประเทศต่างๆพิจารณาอนุมัติข้อตกลงที่ได้บรรลุ การที่อังกฤษและอียูบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับ Brexitถือเป็นอีกหนึ่งก้าวเดิน แต่อย่างไรก็ดี การเจรจาในระยะต่อไปก่อนที่ฝ่ายต่างๆบรรลุข้อตกลงฉบับสุดท้ายจะประสบอุปสรรคไม่น้อย.