ประชากรเวียดนามแตะ 100 ล้านคน

การที่ตัวเลขประชากรของเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคน ทำให้เวียดนามเป็นประเทศลำดับที่ 15 ของโลกและเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่มีประชากรมากกว่า 100 ล้านคน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความเห็นว่า นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนามเนื่องจากมีทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถตอบสนองความต้องการเพื่อการเติบโตและการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

นิมิตหมายที่สำคัญของเวียดนาม

ตามข้อมูลของทบวงสถิติสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุน จำนวนประชากรในเวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดใน 2 ระยะ โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 1950 เวียดนามมีประชากรเพียง 25 ล้านคนเท่านั้น แต่ถึงช่วงปี 1970 จำนวนประชากรเวียดนามได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า อยู่ที่ 50 ล้านคน ปัจจุบัน เวียดนามมีประชากร 100 ล้านคน ดังนั้น เวียดนามใช้เวลา 20 ปีในการมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วงปี 1950-1970 และใช้เวลาอีก 50 ปี ในการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรจาก 50 ล้านคนเป็น 100 ล้านคนตั้งแต่ปี 1970 จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น การที่ประชากรเวียดนามแตะตัวเลข 100 ล้านถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเนื่องจากได้แสดงให้เห็นถึงสถานะของเวียดนามเกี่ยวกับประชากร นาง นาโอมิ คิตาฮารา หัวหน้าสำนักงานตัวแทนของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติหรือ UNFPA ในเวียดนามยืนยันว่า

 “ด้วยจำนวนประชากร100 ล้านคน เวียดนามเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 15 ของโลก นี่คือความสำเร็จและเป็นนิมิตรหมายที่สำคัญของเวียดนาม ดิฉันขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามได้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนประชากร ทำให้ประชากรจำนวนมากหลุดพ้นจากความยากจน และค้ำประกันการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่น่าประทับใจ”

ศาสตราจารย์ ดร. หว่างวันเกือง สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านการเงินและงบประมาณของสภาแห่งชาติได้เผยว่า การที่ประชากรเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคนทำให้เวียดนามมีศักยภาพใน 2 ประเด็น 1 คือจำนวนประชากรของเวียดนามยังคงเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติและไม่ได้ตกเข้าอยู่ความเสี่ยงที่จำนวนประชากรลดลงเหมือนบางประเทศ 2 คือจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจะสร้างคนรุ่นใหม่ในอนาคต โครงสร้างคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้จำนวนแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้ช่วยชะลอการเข้าสู่ยุคประชากรสูงวัยและขยายระยะเวลาประชากรที่อยู่ในวัยทำงานของประเทศ

นาง นาโอมิ คิตาฮารา หัวหน้าสำนักงานตัวแทนของกองทุนประชากรโลกหรือ UNFPA ในเวียดนาม (VNA)

โอกาสทองและความท้าทาย

เวียดนามกำลังอยู่ในระยะที่มีประชากรวัยทำงานอยู่ในระดับสูง โดยประชากรเกือบร้อยละ 70 อยู่ในวัยทำงาน ตามข้อกำหนดของกฎหมาย ช่วงเวลาที่ประชากรวัยทำงานอยู่ในระดับสูงเป็นโอกาส “พิเศษ” เพื่อให้ประเทศต่างๆ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และโอกาสนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์การพัฒนาของแต่ละประเทศ ช่วงเวลานี้ของเวียดนามจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2039 โดยมีประชากรวัยหนุ่มสาวที่มีผลิตภาพแรงงานสูงและสามารถใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของโครงสร้างประชากรเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มากขึ้น นาง นาโอมิ คิตาฮารา หัวหน้าสำนักงานตัวแทนของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติหรือ UNFPA ในเวียดนามแสดงความเห็นว่า

“ประชากร 100 ล้านคนยังหมายความว่า เวียดนามมีตลาดภายในประเทศอันกว้างใหญ่ และมีความสามารถในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้น ด้วยแรงงานที่มีสุขภาพดี มีวุฒิการศึกษาและมีทักษะวิชาชีพ ประชากรเวียดนาม 100 ล้านคนเป็นตัวแทนของ 100 ล้านความหวัง 100 ล้านความฝันและ 100 ล้านโอกาส”

การเพิ่มขึ้นของประชากรเป็น 100 ล้านคน นอกจากเป็นนิมิตหมายที่ดีแล้ว แต่ในอีกด้านเรื่องนี้ก็สร้างความท้าทายในการยกระดับคุณภาพของประชากร โดยเฉพาะ การค้ำประกันการศึกษา สาธารณสุข การยกระดับคุณภาพประชากรและการค้ำประกันสิทธิมนุษยชน ในการกล่าวปราศรัยในการประชุมครบองค์ของฟอรั่มระดับสูงเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เมื่อเดือนธันวาคมปี 2021 ณ กรุงฮานอย  นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า

“ปัญหาที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือการยกระดับชีวิตทั้งด้านวัตถุและจิตใจให้แก่ประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราดูแลให้ประชาชนร้อยล้านคนที่มีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกและมีประชาธิปไตย นั่นคือสิทธิมนุษยชน ต้องปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยถือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เป็นเป้าหมายและเป็นพลังขับเคลื่อนสำหรับการพัฒนา”

ในสภาวการณ์แห่งการแข่งขันของเศรษฐกิจโลก ทุกประเทศถือว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การที่เวียดนามต้อนรับพลเมืองคนที่ 100 ล้านถือเป็นนิมิตหมายที่น่าภาคภูมิใจและเป็นโอกาสเพื่อยกระดับสถานะการพัฒนาของประเทศ ดังนั้น สิ่งที่ต้องปฏิบัติคือการใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อให้เวียดนามสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามมติของที่ประชุมสมัชชใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 .