ภูมิภาคตะวันออกกลางกับความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงนับวันเลวร้ายมากขึ้น

(VOVWORLD) - ในหลายวันมานี้ เขตตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดร้อนที่สุดของโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับความผันผวนอย่างซับซ้อนและความกังวลเนื่องจากแผนการที่ทะเยอทะยานของบางประเทศมหาอำนาจ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่ภูมิภาคนี้จะตกเข้าสู่ภาวะรุนแรงที่เลวร้ายมากขึ้น
ภูมิภาคตะวันออกกลางกับความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงนับวันเลวร้ายมากขึ้น - ảnh 1เขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิว

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน นาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศว่า วอชิงตันสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนจุดยืนของสหรัฐเกี่ยวกับปัญหานี้ในตลอด 40 ปีที่ผ่านมา โดยยกเลิกประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฉบับปี 1978 ที่ระบุว่า การก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับกฎหมายสากล

ท่าที่ดังกล่าวของสหรัฐถูกบรรดาประเทศต่างๆในภูมิภาคและโลก รวมทั้งพันธมิตรสหรัฐหลายประเทศคัดค้านทันที โดยนาย Riyad Mansour เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติได้ระบุว่า ทางการประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีคำประกาศที่ผิดพลาดอีกครั้งเกี่ยวกับเขตตั้งถิ่นฐานของอิสราเอล ซึ่งทำลายโอกาสสร้างสรรค์สันติภาพ ฟื้นฟูความมั่นคงและความมีเสถียรภาพในภูมิภาค นี่เป็นคำประกาศที่ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีคุณค่าทั้งในด้านนิตินัย ประวัติศาสตร์ การเมืองและคุณธรรม ส่วนสันนิบาตอาหรับร่วมกับบรรดาประเทศสมาชิกและประเทศต่างๆในภูมิภาค เช่น อิหร่านและตุรกีต่างออกมาตำหนิอย่างเข้มแข็ง โดยถือการกระทำดังกล่าวของสหรัฐเป็นก้าวเดินที่อันตราย ทำลายมาตรการ “สองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” และความพยายามฟื้นฟูสันติภาพในตะวันออกกลางของประชาคมโลก

ส่วนบรรดาประเทศต่างๆในยุโรปและภูมิภาคอื่นๆก็ได้ออกมาคัดค้านและเตือนถึงผลกระทบจากคำประกาศดังกล่าวของสหรัฐ

ผลพวงที่ตามมาก็ได้เกิดขึ้นจริงหลังคำประกาศดังกล่าวของสหรัฐไม่กี่วัน ทางการอิสราเอลได้ปิดสำนักงานการสื่อสารต่างๆของปาเลสไตน์ในเยรูซาเลม ซึ่งทางการปาเลสไตน์และประเทศอาหรับหลายประเทศได้ถือปฏิบัติการดังกล่าวเป็นก้าวเดินที่อันตรายเป็นอย่างมาก ซึ่งทำลายคำมั่นของอิสราเอลตามข้อตกลง Oslo ที่ได้ลงนามที่สหรัฐเมื่อปี 1993 และที่อียิปต์เมื่อปี 1995 ส่วนนักวิเคราะห์ในภูมิภาคได้เตือนว่า อิสราเอลยังจะมีก้าวเดินที่ก้าวร้าวต่อไป ส่วนกลุ่มติดอาวุธต่างๆในปาเลสไตน์ได้ประกาศว่า จะใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการที่ก้าวร้าวของอิสราเอลและสหรัฐ

ถ้าย้อนกลับไปในอดีต การที่สหรัฐได้รับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเมื่อปลายปี 2017 และทำการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังเยรูซาเลมก็ได้สร้างกระแสความไม่พอใจในหมู่ประชาชนปาเลสไตน์ จนทำให้เกิดการปะทะอย่างนองเลือกตามแนวชายแดนระหว่างอิสราเอลกับฉนวนกาซ่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยคนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับพันคน ดังนั้น ในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงมีความผันผวนอย่างซับซ้อน เช่น ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในอิสราเอลและปาเลสไตน์และการต่อสู้ระหว่างกลุ่มติดอาวุธต่างๆในปาเลสไตน์กับกองทัพอิสราเอลในเขตชายแดนนั้น ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้อาจจุดชนวนกระแสความรุนแรงรอบใหม่ ส่งผลให้กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางที่เต็มไปด้วยความท้าทายแล้วนั้นต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะล้มเหลว.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด