มาตรการเชิงก้าวกระโดดเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

(VOVWORLD) - การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติคือก้าวกระโดดสำคัญที่สุดและเป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้เวียดนามพัฒนาเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาด โดยมติที่ 57 ของกรมการเมืองพรรคที่ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมปี 2024 และการประชุมทั่วประเทศเกี่ยวกับก้าวกระโดดในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคมได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อการพัฒนาของเวียดนาม

เส้นทางพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมของเวียดนามด้วยหน้าที่และมาตรการเชิงก้าวกระโดดไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขอุปสรรค สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ ระดมแหล่งแรงงานและเงินทุนของทั้งสังคมให้แก่วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเท่านั้น หากยังให้กำลังใจและยกระดับความรับผิดชอบของนักวิทยาศาสตร์ทั้งภายในและต่างประเทศในการอุทิศพลังและมีส่วนร่วมโดยตรงต่อการพัฒนาของประเทศอีกด้วย

นโยบายเชิงยุทธศาสตร์ ความคิดและวิสัยทัศน์ใหม่

ผู้นำเวียดนามได้กำหนดว่า วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามพัฒนาอย่างยั่งยืนในศักราชแห่งการผงาด เวียดนามตั้งเป้าไว้ว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะบรรลุอย่างน้อยร้อยละ 30 ของจีดีพีในปี 2030 และร้อยละ 50 ในปี 2050 นำเวียดนามกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของภูมิภาคและโลก นาย เหงวียนซวนทั้ง ผู้อำนวยการสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์แสดงความคิดเห็นว่า

“มติพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติเป็นแนวทางและนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของพรรค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดใหม่ เพื่อมุ่งปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาประเทศในระยะใหม่ การเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนาประเทศได้มีขึ้นเป็นเวลา 40 ปี ซึ่งช่วยให้เรามีพื้นฐานการพัฒนาใหม่ ดังนั้น เพื่อพัฒนาเป็นประเทศที่มีรายได้อยู่ในระดับปานกลางขั้นสูง มาตรการเดียวคือต้องสร้างก้าวกระโดดในการผลิตเพื่อเพิ่มผลผลิต คุณภาพและประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการในศักราชแห่งการผงาด”

นอกจากปฏิบัติมาตรการส่งเสริมการลงทุนและปรับปรุงโครงสร้างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติให้มีความสมบูรณ์แล้ว ทั้งระบบการเมืองก็ปฏิบัติภารกิจนี้อย่างเข้มแข็ง โดยผู้นำเวียดนามตระหนักได้ดีว่า จำเป็นต้องเป็นฝ่ายรุกในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่น AI BigData และ Blockchain เป็นต้น

จากความได้เปรียบดังกล่าว เวียดนามมุ่นเน้นการพึ่งตนเองในด้านเทคโนโลยี โดยจะเป็นเจ้าของและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเทคโนโลยีในบางด้านอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งเสริมสติปัญญาของคนเวียดนามพร้อมกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยของโลกอย่างรวดเร็ว ผลักดันความร่วมมือพหุภาคี ทวิภาคี ใช้ผลสำเร็จและประสบการณ์จากประเทศต่างๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมเวียดนาม ผลักดันการทูตด้านเทคโนโลยี ดึงดูดแหล่งพลังจากภายนอกเพื่อมีส่วนร่วมค้ำประกันความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและเพิ่มการพึ่งตนเองในด้านเทคโนโลยี เป็นต้น

ปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อประเทศ

นโยบายเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เวียดนามจะปฏิบัติในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีได้เป็นแรงจูงใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์และปัญญาชนเวียดนาม โดยเฉพาะชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศ ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์และปัญญาชนเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศได้ประเมินในเชิงบวกต่อก้าวกระโดดใหม่ในการอนุญาตให้ทดลองวิจัยพัฒนาแขนงใหม่จากสถานการณ์จริง พร้อมรับมือความเสี่ยงในการลงทุน ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล โดยเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมคือ ถึงปี 2030 เงินทุนสำหรับการวิจัยพัฒนาจะคิดเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพี พร้อมทั้งยืนยันว่า

“นี่จะเป็นความก้าวหน้าที่น่ายินดีและจำเป็นเพื่อกระตุ้นระบบนิเวศนวัตกรรมในเวียดนาม”

“นี่เป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้นักวิทยาศาสตร์กล้าเดินบนเส้นทางการวิจัยวิทยาศาสตร์และศึกษาเกี่ยวกับโครงการที่มีความเสี่ยงสูง”

“อุปสรรคต่างๆ ในด้านการเงินได้ส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินลงทุนในการวิจัยวิทยาศาสตร์ล่าช้า แต่มติที่ 57 ได้ช่วยแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ที่เคยทำให้การลงทุนในการวิจัยวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับต่ำ”

การที่เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและจัดตั้งสภาให้คำปรึกษาแห่งชาติที่มีการเข้าร่วมของผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและต่างประเทศได้สร้างความไว้วางใจอย่างเข้มแข็งและดึงดูดผู้ที่มีทักษะความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศมากขึ้น ศ.ดร. เหงวียนซวนฮ้วน นายกสมาคมปัญญาชนเวียดนาม ณ ประเทศอังกฤษและสาธารณะรัฐไอร์แลนด์ กล่าวว่า

“คำมั่นที่เข้มแข็งดังกล่าวของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ โดยสภาให้คำปรึกษาที่มีการเข้าร่วมของผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศถือเป็นการเปิดโอกาสให้ปัญญาชนเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศเข้าร่วม เพราะว่า พวกเขาต่างมุ่งใจสู่เวียดนามและมีส่วนร่วมต่อเวียดนาม”

ในการประชุมทั่วประเทศเกี่ยวกับก้าวกระโดดในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติที่มีขึ้น ณ กรุงฮานอยในวันที่ 13 มกราคมนี้ ความไว้วางใจและความมุ่งมั่นตั้งใจนั้นได้ถูกเผยแพร่อีกครั้งโดยเลขาธิการใหญ่พรรค นายกรัฐมนตรีและประธานสภาแห่งชาติ มติที่ 57 และผลการประชุมครั้งนี้ถือเป็นที่พึ่งช่วยให้เวียดนามย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาด โดยมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็งให้กลายเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้ต่อหัวประชากรอยู่ในระดับสูงภายในปี 2045.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด