ยืนยันความสัมพันธ์พันธมิตรสหรัฐ – ญี่ปุ่น

(VOVworld) - นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะเดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งนาย ชินโซ อาเบะ คือผู้นำต่างประเทศคนแรกในทวีปเอเชียที่เดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐหลังจากที่นายโดนัล ทรัมป์เข้าพิธีบาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปฏิบัติการในเชิงรุกของรัฐบาลญี่ปุ่นในการกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรกับสหรัฐและเป็นการส่งสาส์นให้โลกรู้ว่า ความสัมพันธ์พันธมิตรระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นมีความมั่นคงเสมอ

(VOVworld) - นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะเดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งนาย ชินโซ อาเบะ คือผู้นำต่างประเทศคนแรกในทวีปเอเชียที่เดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐหลังจากที่นายโดนัล ทรัมป์เข้าพิธีบาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปฏิบัติการในเชิงรุกของรัฐบาลญี่ปุ่นในการกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรกับสหรัฐและเป็นการส่งสาส์นให้โลกรู้ว่า ความสัมพันธ์พันธมิตรระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นมีความมั่นคงเสมอ
ยืนยันความสัมพันธ์พันธมิตรสหรัฐ – ญี่ปุ่น - ảnh 1
นาย โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ (Photo: vietnamplus.vn)

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นาย โยชิฮิเดะ ซูงะ ปลัดสำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เผยว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะเจรจากับนาย โดนัล ทรัมป์ ณ กรุงวอชิงตันและไปเยือนเขตตากอากาศของประธานาธิบดีสหรัฐ ณ รัฐฟลอริดาก่อนที่จะเดินทางกลับญี่ปุ่นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งการเยือนสหรัฐครั้งนี้จะเป็นโอกาสเพื่อให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศแลกเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างตรงไปตรงมาและเป็นการส่งสาส์นให้โลกรู้ว่า ความสัมพันธ์พันธมิตรที่ใกล้ชิดระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นนั้นมีความมั่นคงถาวร อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศ
ยืนยันถึงความสัมพันธ์พันธมิตรที่ยั่งยืน
คาดว่า ผู้นำสหรัฐและญี่ปุ่นจะเน้นหารือถึงการตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีของนาย โดนัล ทรัมป์ ปัญหาของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ปัญหาต่างๆของความสัมพันธ์พันธมิตรด้านทหาร การเงินและการค้า รวมถึงแผนการจัดทำข้อตกลงการค้าทวิภาคี โดยบรรดานักวิเคราะห์ได้เผยว่า ทางการของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ให้ความสำคัญต่อการเยือนของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ รวมทั้งการพบปะกับผู้นำต่างประเทศครั้งแรกของนายโดนัล ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐและการเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าทวิภาคี  ส่วนทางฝ่ายญี่ปุ่นเผยว่า ได้เตรียมพร้อมให้แก่ความร่วมมือกับนาย โดนัล ทรัมป์ ก่อนหน้านั้น ในการเจรจาทางโทรศัพท์กับนาย โดนัล ทรัมป์เมื่อวันที่ 28 มกราคม นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ยืนยันว่า ตนอยากหารืออย่างตรงไปตรงมาในปัญหาด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจกับนาย โดนัล ทรัมป์
ก่อนการเยือนประเทศสหรัฐของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ นาย เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐก็ได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น โดยในการพบปะกับนาย ชินโซ อาเบะ ณ กรุงโตเกียว นาย เจมส์ แมตทิสได้ประกาศว่า สหรัฐจะคํ้าประกันความมั่นคงให้แก่ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ญี่ปุ่นรอคอยการปฏิบัติจากทางการของประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ รวมถึงการปฏิบัติคำมั่นที่จะปกป้องหมู่เกาะเซนกากุหรือเตียวหยูในทะเลหัวตุ้ง นอกจากนี้ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นาย เจมส์ แมตทิสยังได้ชื่นชมญี่ปุ่นว่า เป็นแบบอย่างที่ดีในการแบ่งเบาปัญหาการหาสถานที่ประจำการให้แก่กองกำลังทหารของสหรัฐ
ปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่
ในกรอบการเยือนประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้นาย เจมส์ แมตทิส ได้ยืนยันถึงการพัฒนาความสัมพันธ์พันธมิตรที่ยั่งยืนระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับทางการโตเกียวได้เนื่องจากปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายที่ถือผลประโยชน์ของสหรัฐเหนือกว่าสิ่งอื่นใดและคำประกาศที่มีลักษณะเป็นการเผชิญหน้าในความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่ใกล้ชิดของนาย โดนัล ทรัมป์  ศาสตราจารย์ Kazuhiro Maeshima จากมหาวิทยาลัย Sophia ซึ่งเป็นนักวิจัยนโยบายการต่างประเทศและปัญหาที่เกี่ยวกับรัฐบาลของสหรัฐได้ให้ข้อสังเกตว่า ญี่ปุ่นยังคงมีความวิตกกังวลมากมายเนื่องจากคำมั่นต่างๆของสหรัฐอาจจะถูกพลิกผันได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งเตือนว่า ญี่ปุ่นต้องเพิ่มความระมัดระวังเพื่อไม่ให้นาย โดนัล ทรัมป์  ใช้คำมั่นเกี่ยวกับการปกป้องหมู่เกาะเซนกากุเพื่อแลกกับการประนีประนอมของฝ่ายญี่ปุ่นในปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากสหรัฐ  ส่วนรองศาสตราจารย์ Ken Jimbo จากมหาวิทยาลัยเคโอได้มองว่า วัตถุประสงค์ของการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนาย เจมส์ แมตทิสคือเน้นการผลักดันความเข้าใจร่วมในความสัมพันธ์พันธมิตรและความท้าทายด้านความมั่นคงในภูมิภาค ก่อนหน้านั้น ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นาย โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้เผยว่า ประเทศพันธมิตรต้องจ่ายเงินเพื่อได้รับการรักษาความมั่นคงจากสหรัฐ
สำหรับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากกว่าความร่วมมือด้านกลาโหมนั้น ถ้ามองในภาพรวม สหรัฐและญี่ปุ่นก็ได้มีความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม นาย โดนัล ทรัมป์ ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงทีพีพีหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเนื่องจากวิตกกังวลว่า ทีพีพีจะส่งผลกระทบในทางลบต่อผู้ใช้แรงงานและสถานประกอบการภายในประเทศ ในขณะที่นาย ชินโซ อาเบะเป็นผู้ที่สนับสนุนข้อตกลงทีพีพี  ก่อนหน้านั้น นาย โดนัล ทรัมป์ได้ตำหนิญี่ปุ่นที่ใช้นโยบายการเงินเพื่อทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและไม่เปิดโอกาสให้สถานประกอบการสหรัฐเข้าถึงตลาดรถยนต์ของญี่ปุ่น
ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ยํ้าว่า พันธมิตรสหรัฐ-ญี่ปุ่นคือปัจจัยชี้ขาดและเป็นหลักการที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในนโยบายด้านความมั่นคงและการต่างประเทศของญี่ปุ่น ดังนั้น ประชามติโลกกำลังมุ่งความสนใจไปยังการพบปะระหว่างผู้นำสหรัฐกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการพบปะที่อาจจะมีผลต่อความสัมพันธ์พันธมิตรในตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาระหว่าง 2 ประเทศ./.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด