รายการพิเศษในโอกาสรำลึกครบรอบ 70 ปีวันปลดปล่อยกรุงฮานอย 10 ตุลาคม

(VOVWORLD) -  วันนี้ 10ตุลาคม ชาวนครหลวงฮานอยและชาวเวียดนามทั้งประเทศต่างได้ร่วมรำลึกถึงการครบรอบ70ปีแห่งวันปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆอย่างคึกคักในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และสำหรับวันนี้ขอเชิญท่านฟังรายการใหม่ชื่อว่า เวียดนาม-ศักราชแห่งการผงาด โดยมีเนื้อหาที่กล่าวถึงนิมิตหมายแห่งประวัติศาสตร์นี้ของกรุงฮานอยและทบทวนดอกผลที่ยิ่งใหญ่ต่างๆที่ประชาชนนครหลวงได้บรรลุในตลอด70ปีที่ผ่านมานะคะ
รายการพิเศษในโอกาสรำลึกครบรอบ 70 ปีวันปลดปล่อยกรุงฮานอย 10 ตุลาคม - ảnh 1การยิงดอกไม้ไฟบริเวณทะเลสาบคืนดาบ

ฤดูใบไม้ร่วงแห่งประวัติศาสตร์

วันที่ 10 ตุลาคม เมื่อ 70 ปีก่อน กรุงฮานอยได้รับการปลดปล่อย โดยคำเรียกร้องให้ประชาชนกรุงฮานอยลุกขึ้นสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชในฤดูใบไม้ร่วงปี 1954 เปรียบเสมือนการย้อนอดีตและการเชื่อมโยงกับยุคปัจจุบันเพื่อให้ชาวกรุงฮานอยสามัคคีสร้างสรรค์กรุงฮานอยแห่งวีรกรรม เป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและการบริหารราชการแห่งชาติ นำกรุงฮานอยเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาประเทศและก้าวไปสู่ศักราชแห่งการผงาด

คุณผู้ฟังกำลังฟังเสียงบริเวณสะพานลองเบียนที่มีอายุกว่า 100ปี ซึ่งเป็นพยานในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของกรุงฮานอย โดยเมื่อ 70ปีก่อน ทหารฝรั่งเศสชุดสุดท้ายได้เดินทางออกจากกรุงฮานอยผ่านสะพานแห่งนี้ เพื่อให้กองกำลังปลดปล่อยเวียดนามเข้ามายึดคืนอำนาจการปกครองกรุงฮานอย อันเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่รุ่งโรจน์ของผืนแผ่นดินที่มีวัฒนธรรมนับพันปีแห่งนี้

เมื่อเช้าตรู่วันที่ 10 ตุลาคมปี 1954 ได้มีฝนตกที่กรุงฮานอย ทำให้ฟ้าหลังฝนสดใสมาก ซึ่งชาวฮานอยบอกต่อกันว่า ฝนตกเป็นเหมือนการล้างความเป็นทาสและนับตั้งแต่บัดนี้ ชีวิตของคนฮานอยจะไม่ถูกกดขี่ขูดรีดอีกต่อไป

ตอนที่กองกำลังปลดปล่อยได้เข้ามายึดคืนอำนาจการปกครองกรุงฮานอยเมื่อปี 1954 ผมอายุแค่ 17 ปี ซึ่งยืนรอต้อนรับและถ่ายภาพกองกำลังปลดปล่อยเดินทัพสู่นครหลวงท่ามกลางความรื่นเริง โดยทุกคนรู้สึกปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมาก”

“คืนวันก่อนที่กองทัพปลดปล่อยเดินทัพเข้าสู่นครหลวง กรุงฮานอยเงียบสงบมาก ทหารฝรั่งเศสได้ถอนตัวออกจากนครหลวงแล้ว ซึ่งตอนนั้น ดิฉันอายุแค่ 12 ขวบ เมื่อมีข่าวทหารเวียดนามเข้าเมืองแล้วฉันต้องยืนบนเก้าอี้ในขณะที่เด็กหลายคนต้องปีนเสาไฟเพื่อรอดู นี่คือความทรงจำอันล้ำค่าและไม่มีวันลืมเลือน”

แม้บรรยากาศในช่วงเปลี่ยนผ่านเงียบสงบมาก โดยทุกคนปิดประตูอยู่ในบ้านตลอด แต่เมื่อเห็นมีเสียงมีสัญญาณของธงแดงดาวเหลืองโบกสะบัดบนท้องถนน ทุกคนก็ออกมาโห่ร้องต้อนรับด้วยความปลึ้มปิติยินดี ซึ่งการที่กองกำลังปลดปล่อยได้เข้ามายึดคืนอำนาจการปกครองกรุงฮานอยเป็นผลการต่อสู้ทั้งทางการเมือง ทหารและการปฏิบัติคำสาบาน “ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อปิตุภูมิ”ของทหารและประชาชนกรุงฮานอย”

บรรยากาศของวันนั้นเมื่อกองกำลังปลดปล่อยได้เข้ามายึดคืนอำนาจการปกครองกรุงฮานอยไม่มีเสียงปืนเสียงระเบิด มีแต่เสียงเชียร์เสียงโห่ร้องต้อนรับ   ซึ่งก็ถือเป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ในอีกด้านของกรุงฮานอย -เมืองแห่งสันติภาพที่ทั้งชาวเวียดนามและเพื่อนมิตรต่างประเทศมักกล่าวถึงในทุกวันนี้

เวลา 70 ปี ให้หลัง นับตั้งแต่วันที่กองกำลังปลดปล่อยได้เข้ามายึดคืนอำนาจการปกครองกรุงฮานอย ได้มีการย้อนอดีตบรรยากาศวันปลดปล่อยกรุงฮานอยผ่านนิทรรศการ 3 มิติออนไลน์ที่มีหัวข้อ "Hỡi đồng bào Thủ đô!"  “พี่น้องร่วมชาติในนครหลวง”

คุณผู้ฟังกำลังฟังคำบรรยายในนิทรรศการ 3 มิติออนไลน์ ซึ่งแนะนำเกี่ยวกับภาพรวมการต่อสู้ของทหารและประชาชนกรุงฮานอยตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงปี 1954 นาง เจิ่นถิมายเฮือง ผู้อำนวยการศูนย์จดหมายเหตุแห่งชาติหมายเลข 1 เผยว่า

พวกเราเลือกจัดนิทรรศการ 3 มิติ เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศการย้อนอดีตบรรยากาศการต่อสู้ที่ฮึกเหิมและความปลื้มปิติยินดีของชาวกรุงฮานอยในวันปลดปล่อยนครหลวงได้อย่างสมบูรณ์  และสามารถแสดงให้เห็นถึงเกียรติประวัติที่รุ่งโรจน์ของประชาชาติและช่วยให้ผู้คนที่รักกรุงฮานอยสามารถเข้าถึงบรรยากาศนี้ได้”

 สำหรับคำว่า "Hỡi đồng bào Thủ đô!"  “พี่น้องร่วมชาติในนครหลวง” ถือเป็นคำเรียกร้องเพื่อระดมพลังความสามัคคีของประชาชนในการลุกขึ้นสู้และปลดปล่อยนครหลวง และยังคงมีพลังต่อไปในการประสานจิตใจของ ชาวนครหลวงเพื่อร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์กรุงฮานอยให้เจริญสวยงามยิ่งขึ้น

 การฟื้นฟูและสร้างสรรค์กรุงฮานอย

ในบทความที่ลงบนหนังสือพิมพ์ Nhân dân หรือ ประชาชน ฉบับที่ 236 ออกวันที่ 9-10 ตุลาคมปี 1954 ประธานโฮจิมินห์ได้เขียนว่า  “ทั่วประเทศมุ่งใจสู่ฮานอย โลกก็มุ่งความสนใจมาที่ฮานอย เราทุกคนต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาความปลอดภัยและความเป็นระเบียบ สร้างสรรค์กรุงฮานอยให้สันติภาพ สวยงามและเจริญเข้มแข็งยิ่งขึ้น”

เพื่อปฏิบัติตามการชี้นำของประธานโฮจิมินห์ ประชาชนกรุงฮานอยได้พยายามสร้างสรรค์กรุงฮานอยให้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง ร่วมกับทั้งภาคเหนือ ปฏิบัติหน้าที่การปฏิวัติต่างๆ เช่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงปี 1954-1957 การปรับปรุงแนวทางสังคมนิยมช่วงปี 1958-1960 การปฏิบัติแผนการพัฒนาระยะ 5 ปีครั้งที่1 ช่วงปี 1960-1965 และระดมพลังทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุน สมรภูมิภาคใต้ทำการต่อสู้รวมประเทศเป็นเอกภาพ

ตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปัจจุบัน กรุงฮานอยได้เดินหน้าปฏิบัติภารกิจ đổi mới หรือ เปลี่ยนแปลงใหม่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเป็นผู้ริเริ่มและชี้นำ โดยเศรษฐกิจของกรุงฮานอยได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ยืนยันถึงความยืดหยุ่น ขนาดการเติบโตมูลค่าและสถานะเป็นหัวเรือ ของประเทศ นาง เหงวียนถิเตวี๊ยน รองเลขาธิการพรรคสาขากรุงฮานอยได้เผยว่า

“เศรษฐกิจกรุงฮานอยสามารถธำรงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2021-2023 ได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของทั้งประเทศและในปี 2023 สามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆที่วางไว้ในระดับสูง”

ฮานอยเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประธานประเทศ สภาแห่งชาติ รัฐบาล องค์กรทางการเมืองและสังคม สำนักงานตัวแทนทางการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งตามความเห็นของนาย บุ่ยหว่ายเซิน กรรมการของคณะกรรมาธิการวัฒนธรรมและการศึกษาของสภาแห่งชาติกิจกรรมต่างๆ ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของฮานอยเท่านั้น หากยังมีความผูกพันกับเวียดนามและทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลงานที่เราได้บรรลุในตลอด 70 ปีที่ผ่านมา  ได้ทำให้ฮานอยสามารถยืนยันสถานะของการเป็นเมืองหลวงของเวียดนามอย่างน่าภาคภูมิใจ  

ที่น่าสนใจคือเมื่อ 25 ปีก่อนคือปี 1999 ฮานอยเป็นเมืองแห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการยกย่องเป็น“เมืองแห่งสันติภาพ” จากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกและ20 ปีต่อมา คือเมื่อปี 2019 ยูเนสโกได้ระบุฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรายชื่อเครือข่าย “เมืองแห่งความสร้างสรรค์” ระดับโลก อันเป็นการยืนยันถึงสถานะใหม่ของกรุงฮานอยบนเวทีระหว่างประเทศ โดยผู้นำของหลายประเทศที่มาเยือนเวียดนามสามารถเดินเที่ยวกับประชาชนในกรุงฮานอยได้อย่างปลอดภัย และฮานอยยังเป็นจุดนัดพบของการเจรจาสันติภาพเช่นการประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเมื่อปี 2019

“ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามได้มีก้าวพัฒนาที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ เป็นจุดนัดพบของเพื่อนมิตรชาวต่างชาติ ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของฮานอยได้สร้างประสบการณ์พิเศษในหัวใจของผู้ที่มาเยือนฮานอย”

“ผมอยากให้เพื่อนๆ ได้รู้จักสิ่งที่สวยงามที่สุดเกี่ยวกับฮานอย เช่น ถนนโบราณ วัฒนธรรมอาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยวและอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ พอได้ยินชื่อ ฮานอย ผมก็รู้สึกถึงความอิ่มเอมในใจ  ผมเน้นเผยแพร่ความงามของฮานอยบน tik tok เพื่อให้เพื่อนมิตรชาวต่างชาติมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเมืองหลวงของเวียดนาม”

เมื่อ 70 ปีก่อน เพื่อขานรับคำเรียกร้องของประธานโฮจิมินห์และรัฐบาล กองทัพและประชาชนฮานอยได้สามัคคีประสานพลังลุกขึ้นปลดปล่อยเมืองหลวง และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทางการปกครองท้องถิ่นและประชาชนฮานอยยังคงร่วมแรงร่วมใจต่อไปเพื่อให้เมืองหลวงแห่งวีรกรรมสามารถธำรงบทบาทเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรมของประเทศต่อไป ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการปฏิบัติตามโอกาสในพินัยกรรมของประธานโฮจิมินห์เมื่อ 70 ปีก่อนอย่างเป็นรูปธรรม นั่นคือ “ข้าพเจ้าขอให้พี่น้องประชาชนฮานอยสามัคคีกันและพยายามเพื่อชัยชนะ”

ก้าวรุดหน้าไปพร้อมกับประเทศ

70 ปีภายหลังวันปลดปล่อย  นครหลวงฮานอยได้เปลี่ยนโฉมใหม่ในทุกด้าน กลายเป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรมและการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในกระบวนการใหม่นี้ ทางการฮานอยกำหนดวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์และมีบทบาทเป็นท้องถิ่นนำหน้าของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงและทั่วประเทศ ฮานอยมุ่งมั่นปฏิบัติมติของพรรคและกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับ “แนวทางและหน้าที่การพัฒนาเมืองหลวงฮานอยจนถึงปี 2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2045” ให้ประสบความสำเร็จ 

ด้วยศักยภาพและจุดแข็งของฮานอย พรรคและรัฐได้ตั่งความเชื่อมั่นอันแนวแน่ต่อการพัฒนาของนครหลวงในอนาคต และได้ออกนโยบายมากมายเพื่อให้ฮานอยสร้างก้าวกระโดด โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 กรมการเมืองพรรคได้ออกมติที่ 15 เกี่ยวกับ “แนวทางและหน้าที่การพัฒนาเมืองหลวงฮานอยจนถึงปี 2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2045” เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2024 ได้ประกาศใช้ข้อสรุปที่ 80 เกี่ยวกับการวางผังเมืองหลวงฮานอยในช่วงปี 2021-2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2050 และโครงการปรับการวางผังของเมืองหลวงฮานอยถึงปี 2045 วิสัยทัศน์ถึงปี 2065 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ได้อนุมัติกฎหมายเมืองหลวงฉบับแก้ไขโดยมีข้อกำหนดเฉพาะเพื่อให้ฮานอยพัฒนา

หลังจากได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสูงสุดของพรรคเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2024 เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม ได้เลือกฮานอยเป็นท้องถิ่นแห่งแรกเพื่อลงพื้นที่หารือข้อราชการในการปฏิบัติภารกิจ เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม กำชับว่า

“ฮานอยต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน มีการผสานอย่างกลมกลืนระหว่างเศรษฐกิจกับวัฒนธรรม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การค้ำประกันความมั่นคง ความปลอดภัยและความสุขของประชาชน ด้วยแนวทางการพัฒนาเมืองหลวงที่ขึ้นอยู่กับ 5 เสาหลัก ได้แก่ วัฒนธรรมและผู้คน การเปลี่ยนแปลง 3 ประการคือ การเปลี่ยนแปลงสีเขียว การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและเศรษฐกิจหมุนเวียน มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเพรียง ทันสมัยและมีลักษณะการเชื่อมโยงในระดับสูง พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เมืองอัจฉริยะ พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม”

จากการตระหนักได้ดีถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ในเฉพาะหน้า ทางการกรุงฮานอยได้เน้นปรับปรุงกลไกและนโยบายพัฒนานครหลวงให้มีความสมบูรณ์ ปฏิบัติมาตรการต่างๆที่เป็นก้าวกระโดดเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปฏิบัติการวางผังเมืองหลวงฮานอย ปรับปรุงการวางผังโดยรวมเกี่ยวกับการสร้างสรรค์เมืองหลวง อีกทั้ง ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตัวเมืองและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลตามแนวทางเมืองอัจฉริยะ เสร็จสิ้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญ เช่น ระบบรถไฟในเมือง และสะพานข้ามแม่น้ำ นาย เหงวียนวันฟอง รองเลขาธิการพรรคสาขากรุงฮานอย เผยว่า“ทางการกรุงฮานอยกำลังจัดทำระบบกลไกและนโยบาย โดยเฉพาะปัจจัยที่สามารถดึงดูดแหล่งพลังต่างๆอย่างกว้างขวาง นอกจากแหล่งพลังจากงบประมาณ ฮานอยกำลังวิจัยระบบนโยบายเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงกับศูนย์กีฬาที่สำคัญ จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม หรือสนับสนุนนิทรรศการระดับนานาชาติ ผมหวังว่า นโยบายเหล่านี้จะสร้างแรงกระตุ้นให้แก่การพัฒนาของนครหลวง”

ผลงานที่ฮานอยได้บรรลุภายหลัง 70 ปีแห่งการปลดปล่อยคือสัญลักษณ์แห่งการก้าวรุดหน้าของทั้งประเทศและประชาชาติเวียดนาม ปัจจุบัน ทางการและประชาชนกรุงฮานอยได้ธำรงจิตใจแห่งความสามัคคี พร้อมร่วมมือกับประเทศเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคแห่งการผงาดของประชาชาติตามเจตนารมณ์ของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 10 สมัยที่ 13 เมื่อเดือนกันยายนปี 2024./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด