สิทธิในการใช้กองกำลังทหารเพื่อปกป้องพันธมิตรของญี่ปุ่นคือการจงรักภักดีต่อเส้นทางสันติภาพ
Ánh Huyền/VOV5 -  
(VOVworld) – เมื่อเร็วๆนี้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาถึงข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญที่ขัดขวางไม่ให้กองกำลังป้องกันตนเองหรือSDF เข้าร่วมสงครามในต่างประเทศ และกำลังพยายามดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อปฏิบัติสิทธิ์นี้ แม้จะยืนยันถึงคำมั่นสัญญาว่า โตเกียวจะจงรักภักดีต่อเส้นทางสันติภาพ แต่ข้อเสนอดังกล่าวได้สร้างกระแสความเห็นที่แตกต่างกันระดับนานาชาติและภูมิภาค
(VOVworld) – เมื่อเร็วๆนี้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาถึงข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญที่ขัดขวางไม่ให้กองกำลังป้องกันตนเองหรือSDF เข้าร่วมสงครามในต่างประเทศ และกำลังพยายามดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อปฏิบัติสิทธิ์นี้ แม้จะยืนยันถึงคำมั่นสัญญาว่า โตเกียวจะจงรักภักดีต่อเส้นทางสันติภาพ แต่ข้อเสนอดังกล่าวได้สร้างกระแสความเห็นที่แตกต่างกันระดับนานาชาติและภูมิภาค
|
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น(Photo:dangcongsan) |
นายชินโซ อาเบะได้มีข้อเสนอดังกล่าวหลังจากที่ได้รับรายงานจากคณะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงโดยเสนอให้ทำการตีความเนื้อหาในรัฐธรรมนูญใหม่ตามแนวทางอนุญาตให้โตเกียวสามารถปฏิบัติสิทธิ์ป้องกันตนเองในระดับนานาชาติซึ่งหากมีการยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว ญี่ปุ่นมีสิทธิส่งกองกำลังทหารของตนไปปกป้องพันธมิตรหรือประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นได้ถ้าถูกโจมตี
เพื่อปฏิบัติความพยายามดังกล่าว เมื่อวันที่๒๑เดือนนี้ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะมีแผนจะแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ดูแลการแก้ไขกฎหมายในปลายเดือนสิงหาคมเพื่อยกเลิกคำสั่งห้ามใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองในระดับนานาชาติที่ประเทศนี้ได้วางไว้โดยมีหน้าที่คืออธิบายให้รัฐสภาทราบเกี่ยวกับจุดยืนของรัฐบาลต่อปัญหาที่สร้างการถกเถียงดังกล่าว
มีสิทธิ์แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้
ในเวลาที่ผ่านมา โตเกียวยังคงรักษาทัศนะที่ว่า ญี่ปุ่นมีสิทธิ์ป้องกันตนเองในระดับนานาชาติแต่ไม่สามารถปฏิบัติสิทธิ์นี้เนื่องจากมาตราที่๙ของรัฐธรรมนูญของประเทศนี้ระบุว่า ห้ามใช้กำลังอาวุธเพื่อแก้ไขการพิพาทระดับนานาชาติ ดังนั้น การแก้ไขนโยบายกลาโหมนี้จึงเรียกร้องให้โตเกียวต้องเปลี่ยนแปลงความเข้าใจต่อรัฐธรรมนูญสันติภาพซึ่งเป็นสิ่งที่จนถึงปัจจุบันพรรคโคเมโตะใหม่หรือNKPที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่เห็นด้วย
นายชินโซ อาเบะยืนยันว่า คำอธิบายประกอบรัฐธรรมนูญในปัจจุบันทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถปกป้องพลเมืองของตนได้ อาทิเช่น เรือของกองทัพเรือสหรัฐกำลังส่งพลเมืองญี่ปุ่นในเขตพิพาทนอกเขตน่านน้ำของประเทศถูกโจมตี กองกำลังป้องกันตนเองของประเทศนี้ไม่สามารถใช้อาวุธได้โดยยกเว้นในกรณีถูกโจมตี ดังนั้น ญี่ปุ่นไม่สามารถระดมกองกำลังป้องกันตนเองเพื่อปกป้องเรือของสหรัฐ แม้ว่า เรือลำนี้กำลังลำเลียงขนส่งพลเมืองของญี่ปุ่นก็ตาม
ความเห็นที่แตกต่างกัน
ประเทศทั้งในและนอกภูมิภาคต่างมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันทันทีต่อการตัดสินใจนี้ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะโดยวอชิงตันได้กล่าวว่า ในฐานะเป็นพันธมิตร สหรัฐแสดงความยินดีและให้การสนับสนุนการอภิปรายภายในญี่ปุ่นเกี่ยวกับการที่โตเกียวควรยกเลิกคำสั่งห้ามใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองในระดับนานาชาติได้ ก่อนหน้านั้น สหรัฐเคยเรียกร้องให้ญี่ปุ่นมีส่วนร่วมให้แก่ความสัมพันธ์แบบพันธมิตรด้านความมั่นคง รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐก็ชื่นชมข้อเสนอของนายกชินโซ อาเบะและย้ำว่า เพนตากอนมีความเชื่อมั่นว่า ญี่ปุ่นจะสามารถรักษาเกียรติประวัติให้ความเคารพสันติภาพ ส่วนจีนได้แสดงความกังวลและเรียกร้องให้ญี่ปุ่นพิจารณาประวัติศาสตร์ใหม่เพื่อมีบทบาทในการสร้างสรรค์สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค สาธารณรัฐเกาหลีเห็นว่า การอภิปรายเกี่ยวกับความมั่นคงและกลาโหมของญี่ปุ่นเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญสันติภาพของประเทศนี้และมีส่วนร่วมให้แก่สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคต่อไปและสาธารณรัฐเกาหลีไม่ยอมรับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในแหลมเกาหลีและผลประโยชน์แห่งชาติของตน ข้อเสนอของนายชินโซ อาเบะ เผชิญกับการประท้วงของประชาชนภายในประเทศโดยมีประชาชน๒พันคนได้จัดการชุมนุมเพื่อประท้วงการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองในระดับนานาชาติ
มุ่งสู่เส้นทางสันติภาพอย่างแข็งขัน
บรรดานักวิเคราะห์สถานการณ์เห็นว่า ข้อเสนอเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองเป็นส่วนหนึ่งในคำนิยาม“ลัทธิสันติภาพที่แข็งขัน”ที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะเสนอเพื่ออธิบายให้แก่การที่ญี่ปุ่นมีความประสงค์ที่จะผ่อนปรนข้อกำหนดที่เข้มงวดทางทหารตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเพื่อมีบทบาทมากขึ้นในปัญหาความมั่นคงของภูมิภาคและโลก
การพิพาทในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีนซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมีการพิพาทด้านอธิปไตยกับญี่ปุ่นถูกถือว่าเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ทางการของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะผลักดันการอภิปรายเกี่ยวกับสิทธิ์ป้องกันตนเองในระดับนานาชาติ ขยายความสามารถในการป้องกันตนเองในระดับนานาชาติ และยืนหยัดตามเส้นทางสันติภาพและจะไม่กลายเป็นประเทศที่ก่อสงครามซึ่งนี่เป็นจุดยืนของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แต่จะปฏิบัติได้หรือไม่ ความประสงค์นี้ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะก็ยังคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย นอกจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ผู้สันทัดกรณีจำนวนหนึ่งเห็นว่า การค้ำประกันความสามารถในการป้องกันตนเองในระดับนานาชาติจะอนุญาตให้ญี่ปุ่นนำความสมดุลที่จำเป็นมาให้แก่เอเชีย แปซิฟิก./.
Ánh Huyền/VOV5