ซึ่งการร่างรายงานกึ่งวาระดังกล่าวพร้อมกับการสมัครเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระ2023-2025 ได้เป็นการยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญและเข้าร่วมอย่างสมบูรณ์ในทุกกลไกการตรวจสอบ UPR และปรารถนาที่จะได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในความพยายามร่วมของประชาคมระหว่างประเทศเพื่อผลักดันสิทธิมนุษยชนในทั่วโลก

นโยบายเกี่ยวกับการปกป้องและผลักดันการปฏิบัติสิทธิมนุษยชน ถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางของนโยบาย เป็นเป้าหมายและพลังขับเคลื่อนสำคัญของประเทศที่เวียดนามได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นได้ถูกระบุอย่างชัดเจนในเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่13 โดยเวียดนามได้กำหนดวิสัยทัศน์ถึงปี2025เวียดนามเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงกว่าปานกลางระดับต่ำ ถึงปี2030เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอุตสาหกรรมทันสมัยและรายได้เฉลี่ยประชากรทั่วประเทศปานกลางระดับสูง และถึงปี2045จะเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้ระดับสูง ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงคำมั่นของทั้งระบบการเมืองในการปฏิบัติภารกิจการพัฒนาประเทศด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่เข้มแข็งในการสร้างสรรค์และปฏิบัติกลไกนโยบายการบริหารของนิติรัฐที่ถือประชาชนเป็นแกนหลัก เป็นศูนย์กลางในนโยบาย เพื่อความก้าวหน้าและยุติธรรมทางสังคม สร้างคุณค่าแห่งวัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนและคลอบคลุมผ่านการยกระดับคุณภาพชีวิต ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์อย่างสมบูรณ์ ผลักดันและปกป้องสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม ซึ่งนายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งห์ก็ได้ย้ำถึงแนวทางดังกล่าวในการกล่าวปราศรัยเมื่อเร็วๆนี้ว่า “ไม่ยอมแลกผลประโยชน์ด้านสวัสดิการสังคม สิ่งแวดล้อม ความยุติธรรมและความก้าวหน้าทางสังคมกับตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว หากการดูแลเพื่อให้ประชาชนเกือบร้อยล้านคนได้มีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุก มีประชาธิปไตย มีบรรยากาศความเป็นอยู่ที่สงบปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

ด้วยการปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง ร่วมมือและพัฒนาอย่างสันติ มีความสัมพันธ์ในหลากหลายรูปแบบและเป็นฝ่ายเดินหน้าผสมผสานเข้ากับโลก เวียดนามได้เข้าร่วมกระบวนการร่วมมือทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีกับระหว่างประเทศและภูมิภาคอย่างเข้มแข็งในหลายด้านรวมทั้งด้านสิทธิมนุษยชน โดยในกรอบทวิภาคี เวียดนามได้ปฏิบัติแนวทางส่งเสริมความร่วมมือและสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ ผลักดันความเข้าใจและการสนับสนุนกันในการเพิ่มทักษะเพื่อปฏิบัติภารกิจการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในเวียดนามและในประเทศต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในกรอบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามได้มีส่วนร่วมที่จริงจังเพื่อส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียนโดยเฉพาะในการสร้างสรรค์กฎบัตรอาเซียนและประชาคมอาเซียน ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกลไกความร่วมมืออาเซียนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติสิทธิต่างๆของมนุษย์

เวียดนามได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทและส่วนร่วมของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในการผลักดันการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนในทั่วโลกและได้พยายามมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งด้วยความรับผิดชอบสูงในภารกิจนี้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระ2014-2016 ซึ่งในการแสดงความเห็นต่อที่ประชุมสภาฯเวียดนามได้เชิดชูและผลักดันจิตใจแห่งความร่วมมือเชิงสนทนาและเพิ่มความเข้าใจเพื่อลดความเห็นต่างและแสวงหามาตรการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อการแก้ไขความท้าทายด้านสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของการเคารพเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ความเสมอภาคและการได้รับประโยชน์ร่วมกัน และเพื่อสานต่อความพยายามเหล่านี้ เวียดนามได้ลงสมัครเข้าเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี2023-2025 ด้วยความปรารถนาที่จะได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิผลมากขึ้นต่อความพยายามร่วมของโลกในการปกป้องสิทธิมนุษยชน

การผลักดันความร่วมมือกับโลกด้วยการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เป็นวิธีการที่เวียดนามได้ดำเนินเพื่อมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันต่อภารกิจร่วมกันของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และการปฏิบัติอย่างมีภาวะวิสัยและสมดุลของสิทธิมนุษยชน ตามเจตนารมณ์ของการเสวนา ร่วมมืออย่างเสมอภาค และความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อค้ำประกันว่าประชาชนทุกคนในโลกต่างได้รับสิทธิมนุษยชนที่สมบูรณ์ในระดับสูงสุด./.