เวียดนามใช้โอกาสจากการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอเพื่อพัฒนาประเทศ

(VOVWORLD) -ใน เดือนแรกของปี 2024 ยอดเงินลงทุนเอฟดีไอที่จดทะเบียนใหม่ เงินทุนปรับปรุง ทุนสมทบและเงินซื้อหุ้นในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่า ในเวลาข้างหน้า เมื่อนโยบายที่เป็นมิตรกับนักลงทุนเกิดประสิทธิภาพและโครงสร้างพื้นฐานสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพจะช่วยให้เวียดนามกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติที่กำลังหาโอกาสลงทุนในระยะยาวและยั่งยืน
เวียดนามใช้โอกาสจากการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอเพื่อพัฒนาประเทศ - ảnh 1(congthuong.vn)

เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอที่ไหลเข้าเวียดนามในปีนี้ได้เน้นลงทุนในหลายด้าน เช่น เทคโนโลยี พลังงานหมุนเวียน สาธารณสุข การเงินและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

ปี 2024 สร้างสถิติใหม่เกี่ยวกับจำนวนสถานประกอบการสหรัฐที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะผู้แทนของสถานประกอบการด้านเทคโนโลยี พลังงาน การบิน กลาโหม การเกษตรและอาหารของสหรัฐ 50 แห่งได้มาเจาะตลาดและขยายการลงทุนในเวียดนาม นี่เป็นปีที่ 2 ที่เวียดนามให้การต้อนรับคณะผู้แทนสถานประกอบการสหรัฐและเป็นกิจกรรมประจำปีของสภาธุรกิจสหรัฐ – อาเซียนหรือ USABC

นาย  Ted Osius ประธานและผู้บริหารของ USABC เผยว่า เวียดนามและสหรัฐมีคำมั่นต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีด้านเศรษฐกิจหลังจากที่ได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นสู่ระดับใหม่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในปีนี้ ทาง USABC จะทำลายสถิติเกี่ยวกับจำนวนสถานประกอบการสหรัฐทที่มาหาโอกาสการลงทุนและแปรโอกาสการลงทุนและการค้าระหว่างสองฝ่ายให้กลายเป็นความจริง โดยคณะผู้แทนสถานประกอบการครั้งนี้ได้ใช้วิธีการเข้าถึงอย่างรอบด้าน ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการเข้ามาลงทุนในเวียดนามอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

นาง Reta Jo Lewis ประธานของธนาคารนำเข้าและส่งออกสหรัฐหรือ EXIM  และสมาชิกของคณะฯ ในฐานะตัวแทนด้านธนาคารของสหรัฐได้ยืนยันว่า จะเพิ่มการสนับสนุนด้านธุรกรรมการเงินระหว่างสองประเทศต่อไป และในกรอบการเจาะตลาดเวียดนามครั้งนี้ ทางธนาคารได้ลงนามในบันทึกช่วยจำมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับหุ้นส่วนเวียดนาม ตัวแทนของบริษัท Atmo ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการด้านพยากรณ์สภาพอากาศข้ามชาติที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เผยว่า มีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการลงทุนในเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่วนตัวแทนของบริษัท Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook ได้เผยว่า ทางบริษัทมีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของเวียดนาม โดยจะเปิดให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เจาะตลาดเวียดนามเพื่อพัฒนาให้เวียดนามเป็นจุดเด่นด้านปัญญาประดิษฐ์ของภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่ นาย Josep Frank Uldo ประธานเครือบริษัท AIS เผยว่า

“เราได้ประกอบธุรกิจในบรรยากาศที่หลากหลาย เราเห็นศักยภาพของเวียดนามในระดับสูง ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการด้านพลังงานและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้น เรามีแผนการจะร่วมมือกับเวียดนาม นอกจากนี้ เวียดนามก็มีความได้เปรียบต่างๆ เช่น เป็นประเทศที่มีสัดส่วนคนรุ่นใหม่จำนวนมาก มีประชากรกว่า 100 ล้านคน และมีความขยันหมั่นเพียร”

ข้อมูลของกรมการลงทุนต่างประเทศสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุนระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว สถานประกอบการสหรัฐได้ลงทุนในเวียดนามกว่า 1,340 โครงการ รวมยอดเงินทุนกว่า 1 หมื่น 1 พัน 8 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับที่ 11 ส่วนในด้านมูลค่าการลงทุน บริษัทชั้นนำต่างๆ ของสหรัฐ เช่น  บริษัท Intel บริษัท CocaCola และบริษัท Cargill มีเงินลงทุนนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม

ตั้งความหวังต่อตัวเลขการขยายตัวในปี 2024

การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของคณะผู้แทนสถานประกอบการสหรัฐเป็นหนึ่งในสัญญาณที่น่ายินดีของเวียดนามในการดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอในปีนี้

เมื่อปีที่แล้ว เวียดนามได้ทำสถิติในการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอที่ 3 หมื่น 6 พัน 6 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับปี 2022 ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคนยังพยากรณ์ว่า ปีนี้เวียดนามจะสร้างก้าวกระโดดใหม่ในด้านนี้ต่อไป

การเปลี่ยนแปลงนโยบายดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอของเวียดนามได้อำนวยความสะดวกให้แก่ภารกิจนี้ โดยเมื่อ 5 ปีก่อน คือในปี 2019 กรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ประกาศมติที่ 50 เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางปรับปรุงกลไกนโยบายต่างๆให้มีความสมบูรณ์ ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพความร่วมมือและการลงทุนจากต่างประเทศถึงปี 2030 และเพื่อแปรมตินี้ เมื่อปี 2022 รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศยุทธศาสตร์ความร่วมมือและการลงทุนจากต่างประเทศระยะปี 2021-2030 ส่วนสภาแห่งชาติก็มอบหมายหน้าที่ให้รัฐบาลจัดทำร่างมติเกี่ยวกับการจัดตั้ง การบริหารและการใช้กองทุนสนับสนุนการลงทุนจากแหล่งเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกและแหล่งเงินทุนที่ชอบด้วยกฎหมายอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความมีเสถียรภาพของบรรยากาศการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ เครือบริษัทข้ามชาติและสนับสนุนสถานประกอบการภายในประเทศ

เมื่อปีที่แล้ว  Fitch Ratings ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลก ได้ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือประเทศระยะยาวของเวียดนาม ขึ้นเป็น BB+ จาก BB โดยมีแนวโน้มที่เสถียรภาพ พร้อมทั้งย้ำว่า เวียดนามกำลังมีความได้เปรียบต่างๆ ในการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอ

ศักยภาพของเศรษฐกิจมีเสถียรภาพและนโยบายที่เอื้อให้แก่นักลงทุนคือปัจจัยที่ดึงดูดสถานประกอบการต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเวียดนามจำนวนมาก ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่ช่วยให้เวียดนามนับวันพัฒนามากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด