โลกได้บรรลุความคืบหน้าใหม่ในการบริหารจัดการปัญญาประดิษฐ์

(VOVWORLD) - ความพยายามในการสร้างกรอบทางนิตินัยเพื่อบริหารจัดการและติดตามการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ของโลกได้บรรลุความคืบหน้าใหม่ โดยยุโรปได้เสร็จสิ้นการปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับ AI และกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียังได้ให้คำมั่นที่เข้มแข็งมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI
โลกได้บรรลุความคืบหน้าใหม่ในการบริหารจัดการปัญญาประดิษฐ์ - ảnh 1(NurPhoto/Getty Images)

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรือ อียู ได้อนุมัติขั้นตอนสุดท้ายของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือ EU AI Act  ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่มีลักษณะหัวเลี้ยวหัวต่อเพื่อควบคุม AI โดยเฉพาะระบบ Generative AI

กฎหมายที่มีลักษณะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ

ในประกาศเกี่ยวกับการที่อียูอนุมัติกฎหมาย AI ครั้งสุดท้าย นาย มาติเยอ มิเชล รัฐมนตรีด้านดิจิทัลของเบลเยียม ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้ยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้มีลักษณะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อและเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกเกี่ยวกับการควบคุม AI ซึ่งช่วยแก้ปัญหาความท้าทายด้านเทคโนโลยีระดับโลก ตลอดจนสร้างโอกาสให้แก่เศรษฐกิจและสังคม ด้วยกฎหมาย AI อียูย้ำถึงความสำคัญของความไว้วางใจ ความโปร่งใสและความรับผิดชอบเมื่อเผชิญกับปัญหาของเทคโนโลยีใหม่ อีกทั้ง ค้ำประกันให้เทคโนโลยีขั้นสูงนี้สามารถพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมของทวีปได้

กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดมาตรฐานในการจำแนกระบบ AI ตามระดับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ ประกอบด้วย ความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ ความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงจำกัดและความเสี่ยงน้อยที่สุด การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดอาจถูกปรับตั้งแต่ 8.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 7 ของรายได้ทั่วโลก ขึ้นอยู่กับการละเมิดและขนาดของบริษัท รัฐสภายุโรปยังได้เสนอให้จัดตั้งสำนักงาน AI ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ของอียูเพื่อสนับสนุนการประยุกต์ใช้กฎหมาย AI อย่างกลมกลืน ให้คำแนะนำและประสานงานการสืบสวนข้ามพรมแดนร่วมกัน หลังจากที่กฎหมาย AI ได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการในยุโรป ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ใช้ในการให้คะแนนทางสังคม การคาดการณ์นโยบาย การจดจำใบหน้าผ่านอินเตอร์เน็ตหรือกล้องวงจรปิด หรือ CCTV จะมีผลบังคับใช้ภายใน 6 เดือนหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ได้รับการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ในขณะที่ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบ Generative AI เช่น ChatGPT และ Google Gemini จะมีผลบังคับภายใน 12 เดือนต่อจากนี้และข้อกำหนดอื่นๆจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2026 นาย Thierry Breton กรรมาธิการตลาดภายในและอุตสาหกรรมของอียูได้เผยว่า

“กฎหมาย AI ถูกจัดทำบนพื้นฐานแห่งการประเมินความเสี่ยง แอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหา แต่บางแอพพลิเคชั่นก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับฐานข้อมูล หรือวิธีการใช้ฐานข้อมูลนี้สำหรับฝึกอบรมโมเดล AI ดังนั้น บางแอพพลิเคชัน เช่น สุขภาพ จะถูกจำกัด บางส่วนจะถูกห้าม เช่น การให้คะแนนทางสังคมกับพลเมือง ดังนั้น นี่เป็นข้อกำหนดที่เข้มงวดและสมเหตุสมผลมาก”

ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ กฎหมาย AI ของอียูได้รับการประเมินว่า มีความครอบคลุมกว่าวิธีการเข้าถึงที่อาศัยการปฏิบัติตามโดยสมัครใจในสหรัฐ หรือวิธีการเข้าถึงที่เน้นเสถียรภาพทางสังคมในจีน ดังนั้น จึงสามารถส่งผลกระทบทั่วโลกได้ นาย Patrick Van Eecke ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของบริษัทกฎหมาย Cooley ประเทศสหรัฐได้แสดงความเห็นว่า บริษัทนอกอียูที่ใช้ฐานข้อมูลของลูกค้าในอียูจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้ และหลายประเทศและภูมิภาคอาจพิจารณากฎหมายฉบับนี้เป็นตัวอย่างเพื่อจัดทำข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับการควบคุม AI เช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติก่อนหน้านั้นกับ GDPR ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของยุโรป

โลกได้บรรลุความคืบหน้าใหม่ในการบริหารจัดการปัญญาประดิษฐ์ - ảnh 2นาย ฮัน ดั๊ก-ซู นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี (Reuters/Kim Soo-hyeon )

ความปลอดภัยของ AI

นอกจากกฎหมาย AI ของอียูแล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยุโรปยังได้เล็งเห็นถึงเหตุการณ์ที่สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ AI  โดยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ EC โดยมี 46 ประเทศสมาชิกในยุโรป รวมถึงประเทศนอกอียูจำนวนมาก ได้อนุมัติสนธิสัญญาระดับโลกฉบับแรกที่มีข้อผูกมัดทางนิตินัยที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบที่ควบคุมการใช้ AI

EC ได้เผยว่า สนธิสัญญาเกี่ยวกับ AI ขององค์การนี้กำหนดกรอบทางนิตินัยสำหรับทุกขั้นตอนของการพัฒนาและการใช้ระบบ AI แก้ไขความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นของ AI และส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีความรับผิดชอบ ไม่เหมือนกับกฎหมาย AI ของอียู ประเทศนอกยุโรปยังสามารถเข้าร่วมสนธิสัญญาของ EC ได้ด้วย โดยสนธิสัญญาฉบับนี้เป็นผลมาจากการทำงานเป็นเวลา 2 ปีของหน่วยงานร่วมรัฐบาล โดยมี 46 ประเทศสมาชิกของ EC EU และ 11 ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกของ EC รวมทั้ง สหรัฐ ญี่ปุ่น อาร์เจนตินา อิสราเอลและอุรุกวัย ตลอดจนผู้แทนของวงการนักวิชาการ 

นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ การประชุมสุดยอดความปลอดภัย AI ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคมผ่านรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ณ กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีได้บรรลุความคืบหน้าที่สำคัญเมื่อกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก  16 แห่ง ได้แก่ OpenAI ซึ่งเป็นนักพัฒนา ChatGPT, Google DeepMind, Anthropic, Microsoft, Amazon, IBM, Meta, Mistral AI ประเทศฝรั่งเศส และ Zhipu.ai ประเทศจีนได้เห็นพ้องกับคำมั่นใหม่เกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI ดังนั้น บริษัท AI จะเปิดเผยวิธีการประเมินความเสี่ยงของเทคโนโลยี AI รวมทั้ง การกำหนดความเสี่ยงที่ได้รับการถือว่า “ยอมรับไม่ได้” และมาตรการเพื่อค้ำประกันว่า ความเสี่ยงเหล่านี้จะไม่เกินเกณฑ์ที่ได้รับการอนุญาต นาย ฮัน ดั๊ก-ซู นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลีได้ประเมินว่า

“ความปลอดภัยของ AI เป็นเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เพิ่มความเชื่อมั่นของสาธารณะต่อ AI ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดความได้เปรียบในการแข่งขันและความยั่งยืนของรูปแบบ AI ในตลาดโลก”

คาดว่า รัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีจะระบุความหมายของ “ความปลอดภัยของ AI” ที่ชัดเจน เจาะจงและครอบคลุมมากขึ้นในเวลาที่จะถึงก่อนที่การประชุมสุดยอดเกี่ยวกับความปลอดภัย AI ครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้น ณ ประเทศฝรั่งเศสในปีหน้า.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด