ความรักและความหวัง

(VOVWORLD) - บรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิได้แผ่ขยายไปทั่วทุกท้องถิ่นของเวียดนาม ตั้งแต่เขตเขาไปจนถึงที่ราบ จากตัวเมืองสู่เขตแดน โดยฟ้าดินและจิตใจของผู้คนเบิกบานชื่นมื่นเพราะช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านฤดูกาลมักจะสร้างอารมณ์ที่แตกต่างกันให้แก่ทุกๆคน

 

ความรักและความหวัง - ảnh 1แพทย์ในเขตแยกตัว (TTXVN)

ผ่านไปอีกปีที่ชาวโลกเรียกว่าปีโควิด-19 โดยปี 2021 เป็นปีพิเศษของทุกคน เพราะเราได้เห็นได้รับรู้เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ที่อบอุ่นและความเอื้อเฟื้อเมตตาอันเปี่ยมล้นที่จะจุดประกายความเชื่อในการก้าวเดินอย่างมั่นคงต่อไปในปีใหม่

"ในช่วงนั้น ฉันรู้สึกเศร้าและสับสนมาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และการปิดโรงงาน ทุกสิ่งทุกอย่างลำบากไปหมด แต่ก็ผ่านมาได้ โดยคิดแต่ว่า เรายังคงมีสุขภาพแข็งแรง ก็เป็นเรื่องที่โชคดีแล้ว"

"ผมเป็นสจ๊วต ดังนั้น งานของผมจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา"

"ช่วงที่ต้องหยุดงานเนื่องจากการแพร่ระบาด เราไม่มีรายได้ เราเป็นครูอนุบาล จึงไม่มีรายได้เมื่องานหยุด"

สำหรับบางคน การแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด -19 ในปี 2021 เปรียบเสมือนคลื่นสึนามิที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่หลายๆคนพยายามสร้างไว้ในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องเผชิญวิกฤตการเงิน และหน้าที่การงานประสบอุปสรรคจนคิดว่าอาจจะไม่สามารถผ่านไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ด้วยความเชื่อมั่นต่ออนาคตที่สดใส

“เด็กไม่ได้อยู่กับพ่อแม่น่าสงสารมาก ตอนกลางคืนคิดถึงพ่อแม่มากจึงขอให้ยายโทรศัพท์หาพ่อแม่ แล้วบอกยายว่าพ่อแม่คงลืมหนูแล้ว”

ช่วงเวลาที่รับหน้าที่เข้าเวร ณ สถานีไฟฟ้าย่อย ดงแอง กรุงฮานอยในช่วงเว้นระยะห่างทางสังคมเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ระลอกที่ 4 ยังคงอยู่ในความทรงจำของนาง เหงียนถิถวา พนักงานของสถานีไฟฟ้าย่อยดงแอง นั่นคือความคิดถึงลูกและความกังวลเป็นอย่างมาก ในช่วงกลางวัน งานที่ยุ่งก็ช่วยให้เธอลืมความคิดถึงได้บ้างแต่ในช่วงค่ำเธอกลับคิดถึงลูกของเธอมากจนทำให้หลายคืนเธอนอนไม่หลับ

ความรักและความหวัง - ảnh 2มื้ออาหาร " 0 ด่ง" ที่อบอุ่นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 (TTXVN)

ก็เหมือนกับนางถวา นางเหงียนถิลานเฟือน พยาบาลที่เป็น singer mom ได้เล่าว่า เธอและเพื่อนร่วมงานต้องลงพื้นที่ที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักเพื่อรักษาผู้ป่วย ลูกสาวอายุ 4 ขวบต้องอยู่กับญาติๆ แต่ถึงเวลาที่เธอได้กลับบ้านก็ปรากฎว่าเธอติดโควิด -19 จึงต้องพยายามลืมความคิดถึงลูกและเลื่อนเวลากลับบ้าน และในวันที่เธอกลับถึงบ้านเธอก็ได้อุ้มลูกแล้วคิดว่านี่เหมือนความฝัน  สัมผัสได้ถึงความสุขที่ได้ยินเสียงพูด เสียงหัวเราะและเสียงร้องเพลงของลูก

เมื่อกว่า 1 ปีก่อน นางสาวแทงหั่ง นักศึกษาเวียดนามที่กำลังศึกษาในสหรัฐได้รับเชิญเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนการศึกษาเป็นเวลา 4 เดือนในประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเธอดีใจและภูมิใจมากโดยวางแผนการต่างๆมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประเทศใหม่แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้ทำลายแผนการของเธอทั้งหมด

“คืนหนึ่งในเดือนมีนาคม ก่อนเข้านอน ฉันได้รับอีเมลจากโครงการฯ ที่แจ้งให้นักศึกษาทุกคนต้องเก็บของให้เรียบร้อยและบินกลับประเทศโดยเร็วที่สุดเพราะเดนมาร์กจะปิดประเทศในอีก 2 วันข้างหน้า ด้วยความกังวลเป็นอย่างมากตอนประมาณตี 3 ในวันสุดท้ายก่อนที่เดนมาร์กปิดประเทศ ฉันไปยังสนามบิน Copenhagen สถานที่ที่ฉันเคยมีความสุขที่ได้มาเมื่อ 2 เดือนก่อนพร้อมแผนการต่างๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เป็นจุดสิ้นสุดของฉัน”

ความรักและความหวัง - ảnh 3อาสาสมัครในกลุ่ม "คนเวียดนามรักกัน" แจกอาหารฟรีให้แก่ผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด -19 (baodansinh.vn)

เธอเล่าว่าเมื่อเดินทางถึงสนามบินโหน่ยบ่าย น้ำตาคลอเบ้าบนใบหน้าของเธอและ เธอคิดว่า มีแต่เวียดนามเท่านั้นที่เป็นบ้านของเธอที่พร้อมต้อนรับเธอทุกเวลา ถึงแม้ต้องพักในเขตแยกตัวหลังจากที่กลับประเทศ ต้องรับมือกับความกังวลว่าจะติดเชื้อหรือไม่ แต่ในช่วงเวลานั้น เธอรู้สึกโชคดีที่ได้มองเห็นมุมมองชีวิตใหม่ๆที่พิเศษ ซึ่งทำให้เธอตัดสินใจทำหน้าที่เป็นหนึ่งในอาสามัครที่กระตือรือร้นมากที่สุดในเขตแยกตัว

ในช่วงที่ลำบากของโรคโควิด -19 และได้พักในเขตแยกตัวช่วยให้ฉันได้ศึกษาหลายเรื่องและมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับผู้คนๆรอบตัว ถึงแม้พวกเขาต่างก็เป็นคนแปลกหน้า แต่ก็มีความรักใคร่ให้แก่กัน แบ่งเบาความเดือดร้อนและช่วยเหลือกันเหมือนคนในครอบครัว ฉันรู้สึกตื้นตันใจ วันนี้ได้กลับมาย้อนนึกถึงช่วงเวลานั้น ฉันคิดว่า โชคดีมากที่เป็นคนเวียดนาม”

"ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตัวผมเองสูญเสียอะไรไปมาก แต่ก็คิดว่านั่นคือการเดินทางที่เราจะเป็นต้องผ่านให้ได้เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น รู้จักรักตัวเองให้มากขึ้น"

" เรารู้สึกขอบคุณที่ยังมีชีวิตและยังมีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวและคนที่เรารัก เราขอบคุณสำหรับข้าวแต่ละเมล็ด ผักแต่ละมัด เงินสองสามพันด่งที่เราได้รับการแบ่งปัน เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาด ซึ่งเราสามารถแบ่งปันสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ได้ทั้งหมดด้วยใจจริง"

"ผมเชื่อว่า ใครที่ได้ผ่านช่วงเวลาของการระบาดและสูญเสียไปมากอย่างผมก็ยังจะรู้สึกว่าตัวเองได้มากกว่าที่เสียไป การที่จะมีชีวิตอยู่และมีโอกาสรักครอบครัวมากขึ้น ได้วาดภาพอนาคตที่สดใสและสวยงามขึ้นใหม่ก็ถือว่ามีค่ามาก เราได้เรียนรู้บทเรียนที่ว่าตราบใดที่คุณมีสุขภาพแข็งแรง ชีวิตจะมีสิ่งดี ๆ มากมายรออยู่เสมอ"

การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อไปและเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เราได้ปรับเปลี่ยนความรู้สึกของเราในการพร้อมรับมือกับโควิด นั่นคือการมองโลกในแง่ดีและการรักษาจิตใจที่เข้มแข็งอยู่เสมอ เรียนรู้วิธีการเติบโตจากความทุกข์ยากต่างๆรวมทั้งวิธีการสร้างพลังบวกให้ตัวเองอีกด้วย นับว่าโชคดีที่ในช่วงที่เกิดโรคระบาด เราได้รับความอบอุ่นจากความรักของเพื่อนร่วมชาติ

ในปีที่ผ่านมา ก็มีโครงการจิตอาสามากมายที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในช่วงเกิดการระบาดใหญ่ เช่น รายการ หากใครต้องการก็แค่มารับ การแบ่งปันอาหารทุกวัน ห้องครัวเสิร์ฟฟรี ห้องครัวที่อบอุ่น ขบวนรถแห่งความรักใคร่ เป็นต้น และนั่นคือเกียรติประวัติที่ดีงามของชาวเวียดนาม เมื่อประสบความยากลำบาก ความเมตตาและจิตใจแห่งการแบ่งปันจะได้รับการจุดประกายเผยแพร่อยู่เสมอ ซึ่งเราขอเสนอตัวอย่างของนักร้องหญิง ท้ายถวี่ลิงห์ ที่ได้สะพายเป้เดินทางเข้านครโฮจิมินห์ในช่วงเวลาที่โรคระบาดกำลังรุนแรงอย่างมาก โดยมีแผนการช่วยคนงานต่างจังหวัดที่ติดค้างอยู่ในตัวเมือง และได้เปิดตัวโครงการ "คนเวียดนามรักกัน" โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินด้วยอาหารที่จำเป็นช่วยให้คนยากจนอยู่รอดได้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาของเธอได้รับคำชื่นชมจากรองนายกรัฐมนตรี หวูดึ๊กดาม หัวหน้าคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติงานด้านการป้องกันและควบคุม โควิด-19 ในขณะนั้น ซึ่งเรามาพบกับนักร้องหญิงคนนี้เพื่อฟังดูว่าเธอคิดและทำอย่างไรกับกิจกรรมที่มีความหมายนี้เราได้พบปะกับ คุณ ถุ่ยลิงห์ และพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรม การรณรงค์อาสาสมัคร "ชาวเวียดนามรักกัน" ที่เธอริเริ่ม ได้ประสบผลที่น่ายินดีและได้ขยายจิตใจแห่งความรักใคร่ไปสู่หลายๆคน โดย ของขวัญและการช่วยเหลือที่คุณ ลิงห์และอาสาสมัครสนับสนุนในการรณรงค์ "ชาวเวียดนามรักกัน" มีชื่อว่า ชุดของขวัญแห่งความรักใคร่ 5 หรือ 5T และเธอก็ได้อธิบายความหมายของชื่อนี้ว่า

ความรักและความหวัง - ảnh 4นักร้องหญิง ท้ายถวี่ลิงห์ (ซ้าย) แจกอาหารให้แก่ประชาชนในเขตที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม (baodansinh.vn)

"ตอนแรกไม่ได้คิดว่าต้องใช้ชื่อ 5T แต่คิดแค่ว่า ต้องมีถุงอาหารแห้งไว้แจกให้คนที่อยู่บ้านเพื่อสู้โรคระบาด ในชุดของขวัญสำหรับประชาชนมี ข้าว บะหมี่ ผักสด อาหารที่มีโปรตีนน้ำยาฆ่าเชื้อและหน้ากากอนามัย ซึ่งของที่แจกให้มีรวมๆกัน 5 ชิ้น ดั้งนั้นดิฉันก็เลยตั้งชื่อว่า 5T ซึ่งหมายความว่า ความรักใคร่ 5 อย่าง  ซึ่งชวนให้นึกถึงโครงการ 5K ของรัฐบาล ทัศนะของดิฉันคือถ้าคุณปฏิบัติตามคำขวัญ 5K คุณต้องมี 5T ถ้าหากอยากให้พวกเขาอยู่บ้าน และรักษาการเว้นระยะห่าง ต้องไม่ปล่อยให้พวกเขาหิว และดิฉันดีใจมากที่ชุดของขวัญ 5T ถูกวางไว้บนโต๊ะประชุมของผู้นำคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ในเมื่อจัดประชุมหารือเกี่ยวกับการชี้นำการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดภายใต้อำนวยการของรองนายกรัฐมนตรี หวู ดึ๊ก ดาม ซึ่งประชาชนก็ชื่นชมชุดของขวัญ 5T นี้"

นักร้องถุ่ยลิงห์เคยโพสต์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนตัวว่า “สำหรับดิฉัน การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเป็นเรื่องที่ต้องทำ เป็นความรับผิดชอบที่มาจากจิตสำนึก ดิฉันหวังว่า คุณและดิฉันจะนำข้าวและเสื้อผ้าไปมอบให้แก่ประชาชนเพื่อฟันฝ่าความทุกข์ยากนี้ที่สักวันก็ต้องจบลง” ซึ่งเมื่อได้รับคำถามว่า คุณต้องการสื่อข้อความอะไรผ่านกิจกรรมอาสาสมัครเหล่านี้ เธอก็บอกว่า
"ดิฉันไม่ใช่คนรวย แต่หวังแค่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้คนอื่นๆตระหนักเกี่ยวกับกิจกรรมจิตอาสา ดิฉันหวังว่า ชาวเวียดนามทุกคนจะมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่พร้อมช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าตัวเอง การช่วยเหลือนั้นไม่ใช่แค่เรื่องอาหารเท่านั้น แต่สามารถเริ่มต้นด้วยการมีความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งก็จะนำไปสู่การช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม
ทุกคนสามารถเป็นอาสาสมัครได้ในกรอบความสามารถและเงื่อนไขของตน ตราบใดที่คุณมีใจที่พร้อมจะทำ คุณจะคิดและหาทางร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอย่างแน่นอน การเป็นอาสาสมัครเป็นเรื่องปรกติ เพราะในโลกนี้เราไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากน้ำใจ ทุกเช้าเมื่อตื่นมาเรายังหายใจได้เป็นปกติ ต้องขอบคุณชีวิต  ดิฉันคิดว่า การเป็นคนรวยนั้นต้องแข็งแรงก่อน หมายถึงร่ำรวยเกี่ยวกับสุขภาพ เวลา ความสัมพันธ์ และสติปัญญา  เราทุกคนสามารถช่วยเหลือคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส ดิฉันกำลังเดินตามเส้นทางที่ตัวเองยึดมั่นปฏิบัติในหลายปีที่ผ่านมา ในแต่ละโครงการของดิฉัน มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมและแบ่งปันอย่างมีความสุขกับคนอื่นๆ อีกมากมาย
"
หลังจากจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดในนครโฮจิมินห์ลดลง คุณ ลิงห์ได้กลับมาฮานอยเพื่อดำเนินโครงการที่ยังค้างอยู่ แต่กรุงฮานอยก็กำลังต้องเผชิญกับจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในภาคเหนืออีกครั้ง และโครงการ "ชาวเวียดนามรักกัน" ก็ยังคงดำเนินต่อไปในกรุงฮานอยเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเผยถึงแผนการที่จะทำในตรุษเต๊ตนี้ คุณ ลิงห์บอกว่า
"ทุกวันนี้ รอบๆ ตัวของดิฉันไม่ใช่กีตาร์และเครื่องบันทึกเสียงตอนนี้เราได้เริ่มต้นโครงการการต่อสู้ครั้งใหม่ โดยเน้นช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน อาสาสมัครของเราวางแผนว่า ตรุษเต๊ตนี้จะเป็นตรุษเต๊ตเพื่อประชาชน Call Center ช่องทางรับเรื่องออนไลน์ของเราจะปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันพร้อมการเข้าร่วมของแพทย์ตลอดคืนส่งท้ายปีเก่าเพื่อพร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อมีคนโทรมา
นี่เป็นช่วงเวลาของวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่น่าจดจำสำหรับดิฉันอย่างแน่นอน เพราะพี่ ๆ น้องๆทุกคนทราบว่า การเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 นั้น ทุกคนจะต้องอยู่ห่างจากครอบครัวเพราะเราไม่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นแล้วนำเชื้อไปแพร่สู่คนในครอบครัวได้ ดิฉันแค่หวังว่า ความพยายามและน้ำใจเหล่านี้จะสร้างพลังที่เข้มแข็งและเป็นเกราะป้องกันเพื่อช่วยให้ประชาชนเฉลิมฉลองตรุษเต๊ตที่ปลอดภัยที่สุด และเราพยายามทำในสิ่งที่เราคิดอยู่เสมอว่า ต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
"
เรารู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณน้ำใจและสิ่งที่นักร้องหญิงผู้นี้ได้ทำเพื่อประชาชนและก็หวังว่า คุณลิงห์จะมีสุขภาพแข็งแรงเพื่อดำเนินโครงการดนตรีและกิจกรรมจิตอาสาที่เต็มไปด้วยความหมายของตนในเวลาที่จะถึงต่อไป....

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด