ความเป็นมิตรสนิทระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซูการ์โน

(VOVWORLD) -ในกรอบพิธีรำลึกครบรอบ 60 ปีการเยือนอินโดนีเซียของประธานโฮจิมินห์และการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี ซูการ์โน เมื่อเร็วๆนี้ สถานทูตเวียดนามประจำประเทศอินโดนีเซียได้จัดการสัมมนาภายใต้หัวข้อ “ ความเป็นมิตรสนิทระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซูการ์โน ความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย” โดยมีบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นนำที่วิจัยเกี่ยวกับประธานโฮจิมินห์และความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียเข้าร่วม  
ความเป็นมิตรสนิทระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซูการ์โน - ảnh 1ภาพของการสัมมนา 

ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เวียดนามและอินโดนีเซียร่วมกันฉลองในปีนี้ กิจกรรมที่โดดเด่นคือ  การรำลึกครบรอบ 60 ปีการเยือนอินโดนีเซียครั้งแรกของประธาน โฮจิมินห์ การเยือนเวียดนามครั้งแรกของประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซูการ์โนและ60 ปีการยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตจากระดับกงสุลใหญ่เป็นเอกอัครราชทูต  ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองประชาติได้วางรากฐานเอาไว้ 

  การสัมมนานี้ได้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานมีมุมมองที่หลากหลายมากขึ้นเกี่ยวกับการเยือนอินโดนีเซียครั้งประวัติศาสตร์ของประธานโฮจิมินห์เป็นเวลา 10 วัน เมื่อปี 1959  นาย เหงวียนดังเตี๊ยน นายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อินโดนีเซียได้เผยว่า ความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียที่ผู้นำหลายรุ่นของทั้งสองประเทศได้ทำนุบำรุงได้สร้างพื้นฐานที่มั่นคงและเป็นพลังขับเคลื่อนในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในทุกด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคมและการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน  โดยเฉพาะการต่างประเทศระดับประชาชนและการพบปะสังสรรค์เป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนร่วมต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย

“ในตลอด62 ปีที่ผ่านมา สมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อินโดนีเซียได้จัดการเยือนและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง  ในโอกาสรำลึกครบรอบ 65 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศในปี 2020   โดยเฉพาะ เมื่อเวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน อินโดนีเซียและเวียดนามจะดำรงตำแหน่งประเทศสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 2 สมาคมฯจะจัดกิจกรรมต่างๆที่เป็นรูปธรรม  เช่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ ผ่านรายการต่างๆของสถานีวิทยุเวียดนามในประเทศอินโดนีเซียเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น”

ความเป็นมิตรสนิทระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซูการ์โน - ảnh 2าย Agus Marwan เจ้าของหนังสือเรื่อง “การปฏิวัติริมแม่น้ำห่งหรือแม่น้ำแดง” 

รองศาสตรจารย์ ดอกเตอร์ เจิ่นถิมิงเตวี๊ยด อาจารย์สถาบันสื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ได้เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซูการ์โนไม่เพียงแต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเท่านั้นหากยังเป็นความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องและสหายอีกด้วย ผู้นำทั้งสองท่านต่างมีจุดยืนเหมือนกันเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศและสนับสนุนกันในกระบวนการต่อสู้ของแต่ละฝ่าย  โดยเฉพาะ ประธานโฮจิมินห์และประธานาธิบดีซูการ์โนได้มอบเหรียญอิสริยาภรณ์อันสูงส่งให้แก่กัน ที่ประเทศอินโดนีเซีย ประธานโฮจิมินห์ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักธิ์  ส่วนในจำนวนผู้นำประเทศต่างๆที่เคยมาเยือนเวียดนาม ประธานาธิบดี ซูการ์โนเป็นผู้นำที่ประธานโฮจิมินห์มอบบทกวีให้มากที่สุด

นาย Agus Marwan เจ้าของหนังสือเรื่อง “การปฏิวัติริมแม่น้ำห่งหรือแม่น้ำแดง”ได้เผยว่า หลังจากศึกษาเกี่ยวกับการปฏิวัติเวียดนามและประธานโฮจิมินห์ เขาได้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันเกี่ยวกับบุคลิกภาพของผู้นำทั้งสองท่าน “ในสายตาของชาวอินโดนีเซีย ประธานโฮจิมินห์เป็นผู้รักชาติที่ใช้เวลาตลอดชีวิตเพื่อเอกราชของเวียดนาม เป็นผู้นำในการต่อสู้นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา  ประธานโฮจิมินห์เคยเขียนจดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือจากอินโดนีเซียในสงครามต่อต้านล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสและสงครามต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกา ประธานโฮจิมินห์เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความรู้และรู้ภาษาต่างประเทศหลายภาษา”

นาย Rudy Harotono  ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลที่ 1 ในการประกวดเขียนบทความเกี่ยวกับการเยือนอินโดนีเซียครั้งประวัติศาสตร์ของประธานโฮจิมินห์ที่จัดโดยสถานทูตเวียดนามและส่วนกระจายเสียงต่างประเทศของสถานีวิทยุเวียดนามได้เผยว่า  ภายใต้การนำของผู้นำทั้งสองท่าน อินโดนีเซียและเวียดนามได้มีเอกราชและไม่ถูกแทรกแซงจากภายนอกและในปัจจุบันทั้งสองประเทศกำลังผลักดันความร่วมมือในทุกด้าน

การสัมมนา “ความเป็นมิตรสนิทระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซูการ์โน ความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย”ช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเยือนอินโดนีเซียครั้งประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทั้งท่านและสองประเทศ  ซึ่งผลงานที่เข้าร่วมการประกวดจะได้รับการพิมพ์เผยแพร่  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อมุ่งสู่การรำลึกครบรอบ 65 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ. 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด