นาย โด๋ดังควา ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท Green Is Gold จำกัด

ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศหลายๆคนรู้จักผลิตภัณฑ์ที่ทำจากใยบวบ เช่น ฟองน้ำถูตัวและกระดูกของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง แบรนด์ “Mr Mướp” ของบริษัท Green Is Gold จำกัด นาย โด๋ดังควา อาศัยในจังหวัดด่งทาป เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัทฯ พร้อมกับเพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่ม ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “ธุรกิจสตาร์ทอัพแห่งสีเขียว” ของศูนย์วิจัยธุรกิจและสนับสนุนผู้ประกอบการ BSA ปัจจุบัน นอกเหนือจากการผลิตสินค้าจากใยบวบแล้ว บริษัทของเขาก็เริ่มรับทำผลิตภัณฑ์จากเปลือกข้าวโพดและผักตบชวา เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับรายการสินค้าและสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่นได้มากขึ้น

“เวียดนามเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีจุดแข็งด้านทรัพยากรท้องถิ่น เมื่อตัดสินใจกลับบ้านเกิด ผมคิดว่า ต้องใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่นคือ ผู้คนและวัตถุดิบที่มีอยู่ของเกษตรกร ใช้ความรู้ที่ผมมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับกระบวนการผลิต พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง นำมาซึ่งกำไรที่สูงขึ้น”

ส่วนนาย ดั่งแค๊งยวี ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท เตินเยียน จำกัด ในอำเภอหว่าแถ่ง จังหวัดเตยนิง ได้เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยสินค้าท้องถิ่นคือแผ่นปอเปี๊ยและพริกเกลือ นาย ยวี เผยว่า แผ่นปอเปี๊ยของชาวเตยนิงเมื่อก่อนได้วางขายภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ ต้องปรับปรุงการออกแบบและคุณภาพถึงจะส่งออกไปต่างประเทศได้ ดังนั้น เขาจึงได้ทำการวิจัยและจัดเตรียมกระบวนการผลิตเพื่อสร้างสรรค์แผ่นปอเปี๊ยแบรนด์ “เตินเยียน” ที่บางและเหนียวนุ่ม โดยไม่ต้องจุ่มน้ำเวลารับประทาน

“ผมได้ลงทุนและนำกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อทำแผ่นปอเปี๊ยเตินเยียน ฉะนั้น สินค้าจึงมีคุณภาพที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวด และทำให้กระบวนการส่งออกง่ายขึ้น”

ปัจจุบัน บริษัท เตินเยียน จำกัด ได้ให้ความช่วยเหลือคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดในการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพและจำหน่ายสินค้าต่างๆ เข้าสู่ตลาด เช่น เกลือเยิ๊ดวิ แบรนด์ Mr.Muối แผ่นปอเปี๊ยปรุงรสเยิ๊ดวิ ควบคู่กับการส่งออกแผ่นปอเปี๊ยแบรนด์ เตินเยียน ไปยังตลาดสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐ และจีน

แผ่นปอเปี๊ย ของบริษัท เตินเยียน จำกัด

ศิลปินผู้ทำอาหาร บุ่ยถิเซือง เผยว่า เธอได้เห็นเชฟรุ่นใหม่หลายคนประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชน

“จะมีสิ่งใหม่ๆ จากกลุ่มคนรุ่นหลังเสมอ ตั้งแต่แนวความคิดไปจนถึงงานต่างๆ ที่พวกเขากำลังทำอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังเชิงบวก เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นหรือผลิตภัณฑ์ OCOP สามารถเข้าสู่ชีวิตประจำวันของชาวเวียดนาม พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ”

ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ ฝ่ามจีลาน ได้แสดงความเห็นว่า คนรุ่นใหม่นับวันมีการปรับเปลี่ยนแนวความคิดและการรับรู้ในเชิงบวกมากขึ้น กล้าคิดกล้าทำในการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพ และสามารถรับมือกับความต้องการใหม่ๆ ในชีวิต ขณะที่มีกลุ่มเจ้าของกิจการด้านการเกษตรรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจกับธุรกิจ “สีเขียว” เป็นพิเศษ ทั้งในขั้นตอนการเลือกวัตถุดิบ การผลิต และการบริโภค

“สำหรับกลุ่มนักธุรกิจสตาร์ทอัพรุ่นใหม่นั้น ให้ความสนใจต่อความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก โดยต้องมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ระบบการบริหารจัดการใหม่ หรือวิธีการทำงานใหม่ ซึ่งมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ การนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาดเชิงพาณิชย์ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในสภาวะตลาด ณ ปัจจุบัน ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงบ่อย”

ทั้งนี้ มีสินค้าหลายรายการที่ได้ผลิตจากความพยายามและความรู้ความสามารถของกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ เช่น น้ำหวานดอกมะพร้าว Sokfarm น้ำตาลจาก Vietnipa ผลไม้อบแห้ง Tư-Bông หรือผงผัก Quảng-Thanh ซึ่งกลายเป็นสินค้าที่คุ้นเคยของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ จึงมีส่วนช่วยเผยแพร่สินค้าเกษตรของเวียดนามเข้าสู่ตลาดโลก./.