นักข่าว เหงียนถวี่มิงห์ – ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามคนแรกที่เป็นตัวแทนประจำในต่างประเทศ
Kim Ngan - Minh Ly -  
(VOVWORLD) - ในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวประจำสำนักงานตัวแทนสถานีวิทยุเวียดนามแห่งแรกในต่างประเทศ นักข่าว เหงียนถวี่มิงห์ ซึ่งในตอนนั้นหัวหน้าภาคภาษาไทย ผู้ประกาศข่าวและบรรณาธิการของรายการภาคภาษาไทย ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศ สถานีวิทยุเวียดนามได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างนิมิตหมายให้แก่สถานีวิทยุเวียดนามหรือวีโอวีในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนร่วมยืนยันบทบาทของสื่อวิทยุเวียดนามในต่างประเทศและกระชับความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างสองประเทศให้นับวันแน่นแฟ้นมากขึ้น
ปัจจุบันจะอายุเกือบ 80 ปีแล้ว แต่คุณเหงียนถวี่มิงห์ยังคงกระฉับกระเฉง ใจดีและยังคงรักอาชีพที่เคยทำเสมอ |
ถึงแม้เกษียณอายุราชการมานาน 20 ปี แต่ในช่วงเช้าของทุกๆ วัน คุณเหงียนถวี่มิงห์ จะเปิดฟังรายการต่างๆ ของภาคภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนามผ่านเว็บไซต์ www.vovworld.vn ซึ่งเคยเป็นที่ทำงานในตลอดกว่า 30 ปี แม้ปัจจุบันจะอายุเกือบ 80 ปีแล้ว แต่คุณเหงียนถวี่มิงห์ยังคงกระฉับกระเฉง ใจดีและยังคงรักอาชีพที่เคยทำเสมอ ซึ่งแต่ละครั้งที่เล่าเรื่องการทำงานในสถานีวิทยุเวียดนาม โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ไปปฏิบัติหน้าที่นักข่าวประจำในสำนักงานตัวแทนของสถานีวิทยุเวียดนามประจำประเทศไทย คุณเหงียนถวี่มิงห์ ยังคงรู้สึกเหมือเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ ตอนที่จะไปเมืองไทยนั้น ทางผู้นำของวิทยุเวียดนามก็บอกว่า คุณต้องทำให้ดี เพราะว่า ผลงานของสถานีวิทยุเวียดนามประจำประเทศไทยได้ผลเมื่อไหร่จะมีประเทศที่ 2 เข้ามาและย้ำว่า ไทยไปแล้ว ไทยสำเร็จผล ฝรั่งเศสจะตามไปเลย ความทรงจำที่สุดในช่วงนั้นคือ หนักใจในเรื่องว่า อายุมากแล้ว ประสบการณ์ไปประจำสำนักงานในต่างประเทศยังไม่มี อีกอย่างหนึ่งทางครอบครัว แม่ก็แก่ และแม่ยังป่วยด้วย คือเดินเหินไม่ค่อยได้ ลูกๆ ยังไปเรียนอยู่ พ่อก็เสียไปนานแล้ว มีแต่ลุงคนเดียวอยู่บ้านที่คอยดูแลครอบครัว ทำให้ตอนนั้นรู้สึกหนักใจไม่น้อย แต่โดยที่ได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานใหญ่ ป้าก็ต้องพยายามปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จ”
คูณ ถวี่มิงห์ ถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ภาคภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนามในโอกาสครบรอบ67ปีวันออกอากาศรายการแรก |
การใช้ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วไม่เพียงแต่ช่วยให้นักข่าว ถวี่มิงห์ ทำงานอย่างสะดวกในประเทศไทยเท่านั้น หากยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ของประเทศไทยด้วย ซึ่งช่วยให้วีโอวีสามารถรายงานข่าวได้อย่างฉับไวและสร้างชื่อเสียงให้แก่วีโอวีในวงการสื่อสารมวลชนในประเทศไทย คุณถวี่มิงห์ เล่าว่า
“โชคดีที่ว่า ก่อนที่ทำงานอยู่ที่ภาคภาษาไทย ก็ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับผู้สื่อข่าวจากประเทศไทย เขามาดูงานอยู่ที่เวียดนาม ก็รู้จัดสนิทกัน เวลาไปอยู่ที่นั่น ป้าก็เลยติดต่อกับพวกเขา เป็นผู้สื่อข่าว เลยมีความสะดวกอย่างหนึ่งคือ มีการประชุมอะไรเขาก็จะบอกให้เรา ข่าวที่เด่นที่สุดก็คือ ช่วงนั้น พอดีจะเป็นช่วงที่เฉลิมฉลอง 25 ปีความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทย ป้าก็ขอติดต่อกับฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศไทยขอสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ก็ได้รับอนุญาติ แล้วป้าก็ติดต่อไปที่ฝ่ายสำนักงานผู้สื่อข่าวของไทยด้วยเพื่อช่วยเป็นอีกทางหนึ่งที่จะจัดการสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรี ท่าน สุรินทร์ พิศสุวรรณ ท่านก็ตอบรับให้สัมภาษณ์ หลังจากที่ส่งอัดเทปมาให้ทางส่วนข่าวในประเทศทำข่าวเรียบร้อยแล้วผู้สื่อข่าวของทางเมืองไทยที่กรมประชาสัมพันธ์ก็โทรมาบอกว่า ขอเทปที่อัดเสียงของท่านรัฐมนตรีต่างประเทศไทยด้วยเพื่อจะไปทำข่าว เขาบอกว่า ท่านรัฐมนตรีสั่งการว่า ต่างประเทศเขามาสัมภาษณ์ออกข่าวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราเป็นประเทศเจ้าภาพต้องมีข่าวด้วย”
คุณ ถวี่มิงห์ กับลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นหัวหน้าคนปัจจุบันของภาคภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนาม |
สำหรับเพื่อนร่วมงาน ใช่ว่าทุกคนจะทราบว่านักข่าว ถวี่มิงห์ มีแม่เป็นคนไทย พ่อเป็นนักปฎิวัติอาวุโสชาวเวียดนาม โดยเมื่อปี 1960 คุณพ่อได้นำครอบครัวกลับประเทศเวียดนามตามคำเรียกร้องของประธานโฮจิมินห์ ซึ่งช่วงนั้น คุณถวี่มิงห์ มีอายุแค่ 11 ขวบ ไม่สามารถพูดภาษาเวียดนามได้ แต่หลังจากที่มาเวียดนาม คุณถวี่มิงห์ ได้พยายามตั้งใจเรียนและกลายเป็นหนึ่งในนักเรียนดีเด่นที่ได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยคิมอิลซุงประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เมื่อปี 1972 คุณมิงห์เรียนจบและกลับเวียดนามแล้วได้มอบหมายหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวในส่วนกระจายเสียงภายในประเทศแห่งสถานีวิทยุเวียดนาม และในเวลาต่อมาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในภาคภาษาไทยเนื่องจากสามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อปี 1978 นักข่าว ถวี่มิงห์ กับบรรณาธิการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคได้รับหน้าที่ไปช่วยเหลือสถานีวิทยุกัมพูชาที่เพิ่งได้รับการก่อตั้งหลังจากที่ประเทศกัมพูชาหลุดพ้นจากระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง คุณถวี่มิงห์ บอกว่า
“ เมื่อสงครามที่กัมพูชาสงบ ทางภาคเหนือเวียดนามก็ส่งคนไปช่วย อาจจะกล่าวได้ว่าทุกหน่วยงาน ในนั้นมีหน่วยงานวิทยุเวียดนามด้วย เพราะว่าตอนนั้นกัมพูชาลำบาก เราจะไปช่วยเปลี่ยนกันไปคนละปี ช่วยฝึกในเรื่องวิชาการ คือ การเป็นผู้ประกาศข่าวต้องประกาศข่าวยังไง แล้วเวลาทำข่าวและจะเลือกข่าวไหนที่ประกาศ เรามีนักเรียนคนหนึ่งเป็นคนกัมพูชารู้ภาษาลาว ตอนนั้น เขาเรียนภาษาไทย แล้วช่วยเขาจนเป็นล่ามที่มีคุณภาพให้แก่ผู้นำของประเทศ จนถึงบัดนี้ เขายังบอก ผมไม่เคยลืมบุญคุณของคุณป้าจนกว่าจะตาย เพราะว่า ถ้าไม่มีคุณป้ามาช่วยอบรมภาษาไทยตอนนั้น ผมก็ไม่ได้เก่งภาษาไทย จนถึงได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคภาษาไทยของวิทยุแห่งกัมพูชา”
ในความคิดเห็นของนักข่าว ถวี่มิงห์ ความรักของเพื่อนร่วมงานและผู้ฟังหลายๆ ท่านต่อการทุ่มเททำงานของตนถือเป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้เขารักและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้เสียงของสถานีวิทยุเวียดนาม ได้ออกสู่ทั่วโลกต่อไป คุณถวี่มิงห์ เล่าว่า
“ตอนที่ทำงานอยู่ที่ภาคภาษาไทยวิทยุเรา มีแฟนรายการคนหนึ่ง เขาเป็นผู้หญิง เป็นคนไทยแต่ว่า แต่งงานกับแฟนเป็นคนสวิตเซอร์แลนด์ เขาพำนักอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ แล้วก็ฟังภาษาไทยของวิทยุเวียดนาม เขาก็ส่งจดหมายมาบอกว่า ตอนนั้นป้าใช้ชื่อจันธิมา เขาชมว่า คุณ จันธิมา อ่านข่าวได้ดีมากเลย ทุกคนชอบฟังอยู่ที่บ้าน ฉันชอบฟัง ไม่รู้ว่า คุณเป็นคนไทยหรือคนเวียดนามกันแน่ เพราะว่า เมื่อฟังคุณอ่านข่าวแล้ว ดิฉันคิดว่ากำลังได้ฟังข่าวของประเทศไทยและอยู่ในประเทศไทย คือมันให้ความรู้สึกอย่างงั้น ป้าก็ดีใจมากที่ได้รับคำชมนั้น ก็พยายามพัฒนาตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ”
นอกจากรักและทุ่มเทกับอาชีพผู้สื่อข่าว นักข่าว ถวี่มิงห์ ยังสืบทอดอาชีพและจุดประกายความหลงไหลในอาชีพสื่อให้แก่ลูกสาวคนโตและลูกศิษย์รุ่นต่างๆ |
นอกจากรักและทุ่มเทกับอาชีพผู้สื่อข่าว นักข่าว ถวี่มิงห์ ยังสืบทอดอาชีพและจุดประกายความหลงไหลในอาชีพสื่อให้แก่ลูกสาวคนโตและลูกศิษย์รุ่นต่างๆ เพื่อสานต่อและพัฒนาภาคภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนามต่อไป เมื่อกว่า 10 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ภาคภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนามประสบความยากลำบากเนื่องจากเจ้าหน้าที่หลายคนเกษียณอายุราชการจนขาดแคลนบุคลากร นักข่าว ถวี่มิงห์ ได้รับเชิญมาช่วยฝึกผู้สื่อข่าวรุ่นใหม่ เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่ภูมิใจมากที่สุด คุณถวี่มิงห์ บอกว่า
“ในช่วงที่ทำงานที่สถานีวิทยุเวียดนามจนเกษียณอายุสิ่งที่ป้าพอใจมากที่สุดก็คือ ลูกสาวคนโตของป้า ชื่อมิงห์เหงวียดได้สืบสานต่ออาชีพของแม่และได้กลายเป็นผู้นำของภาคภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนาม และก็ได้รับเชิญไปเป็นล่ามให้แก่ผู้นำระดับสูงของประเทศ รวมทั้งการประสานงานของสองฝ่าย ระหว่างเวียดนามกับไทย หลังจากที่เกษียณอายุ ผู้บริหารของวีโอวี 5 ได้อาศัยให้ไปช่วยสอนภาษาไทยให้แก่นักข่าวรุ่นใหม่ 2 คนและก็ฝึกอาชีพเพิ่มเติมให้แก่น้องๆ คนอื่นที่พึ่งทำงาน จนถึงปัจจุบัน น้องๆ เหล่านี้มีความก้าวหน้าอย่างมากมาย อย่างเห็นได้ชัด อ่านดี แปลก็ดี สำเนียงชัดภาษาไทย อาจกล่าวได้ว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาในเชิงมัลติมีเดียของภาคภาษาไทยมีความก้าวหน้ามากมาย ดั่งเช่นที่ผู้ฟังของสถานีวิทยุเวียดนามชาวไทยหรือว่าคนต่างประเทศที่รู้ภาษาไทยก็ให้คำชมเชยจากการที่ส่งจดหมายมาให้รายการเป็นจำนวนมาก และก็ชื่นชอบรายการภาคภาษาไทยสถานีวิทยุเวียดนามเป็นอย่างยิ่ง”
กับนักข่าวรุ่นใหม่ของภาคภาษาไทยที่ท่านเป็นครูสอนด้านภาษาวิชาชีพ |
สำหรับนักข่าว ถวี่มิงห์ การติดตามและเป็นพยานในการพัฒนาของสถานีวิทยุเวียดนาม โดยเฉพาะรายการภาคภาษาไทยในแต่ละช่วงเวลาถือเป็นความสุขและความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะความพยายามของผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าวและบรรณาธิการทุกรุ่นของส่วนกระจายเสียงต่างประเทศวีโอวี 5 ได้มีส่วนร่วมสร้างพลังที่เข้มแข็งให้แก่การกระจายเสียงต่างประเทศ ช่วยเชื่อมโยงหัวใจของผู้ฟังนับล้านคนทั่วโลกและนำเวียดนามไปอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนมิตรในทั่วโลกมากขึ้น.
Kim Ngan - Minh Ly