การลงทุน FDI ปี 2012 : ต้องให้ความสำคัญด้านคุณภาพ

(VOVworld) - ในเดือนมกราคมปี 2012 เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาเวียดนามบรรลุเพียง 37.5 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นแต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจยังแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่ำสำคัญกว่าคือ การยกระดับประสิทธิาพในการใช้เงินทุน FDI ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม
(VOVworld) - ในเดือนมกราคมปี 2012 เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาเวียดนามบรรลุเพียง 37.5 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นแต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจยังแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่ำสำคัญกว่าคือ การยกระดับประสิทธิาพในการใช้เงินทุน FDI ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม

การลงทุน FDI ปี 2012 : ต้องให้ความสำคัญด้านคุณภาพ - ảnh 1
Intel เวียดนาม - สถานประกอบการ FDI ที่มีประสิทธิภาพในเวียดนาม (Photo Internet)

      กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามเผยว่า ในปี 2011 เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ที่ไหลเข้ามาเวียดนามได้บรรลุ 1 หมื่น 4 พัน 7 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้คือ2หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยสาเหตุเนื่องจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลกและการที่เวียดนามหันมาให้ความสนใจด้านคุณภาพของโครงการลงทุนมากกว่าปริมาณ โดยในปี 2011 ได้อนุมัติโครงการที่มีเงินจดทะเบียนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐแค่ 2 โครงการเท่านั้น  ส่วนตามความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจ  ปัจจุบัน ควรให้ความสนใจต่อจำนวนเงินเบิกจ่ายมากกว่าจำนวนเงินจดทะเบียน  ศ. Nguyen Mai นายกสมาคมสถานประกอบการลงทุนจากต่างประเทศเผยว่า ไม่ควรมีความกังวลเกี่ยวกับการลดลงดังกล่าวเพราะว่าในจำนวนเงินทุนกว่า 1แสนล้านเหรียญสหรัฐที่ยังคงมีอยู่นั้น จะสามารถเบิกจ่ายเงินได้ 5หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับเงินทุนจดทะเบียนใหม่ก็จะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 ปีเพื่อทำการเบิกจ่ายจำนวนเงินที่เหลือให้เรียบร้อย  “จำนวนเงินทุนจดทะเบียนมีความหมายไม่มากนัก แต่เราควรให้ความสนใจถึงด้านที่จะลงทุนและประสิทธิภาพเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศเวียดนามคือ เน้นลงทุนด้านเทคโนโลยี่ขั้นสูง การศึกษา สาธารณสุขและสถานประกอบการที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ปัจจุบัน กระทรวงวางแผนและการลงทุนกำลังวางแนวทางนโยบายการลงทุนใหม่โดยให้ความสำคัญต่อคุณภาพ ประสิทธิภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

      ในช่วงปี 2005 – 2010 เวียดนามสามารถดึงดูดเงินทุน FDI ได้ประมาณ 1แสน 5หมื่น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เงินทุนที่ได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจังมีเพียง 4หมื่น7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 31 เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความขาดประสิทธิภาพในการบริหารและการตรวจสอบโครงการจดทะเบียน โดยเฉพาะในสภาวะการณ์ที่ท้องถิ่นหลายแห่งอยากดึงดูดเงินลงทุนให้ได้จำนวนมากจึงนำไปสู่การลดความเข้มงวดในการตรวจสอบก่อนออกใบอนุญาติประกอบการ  ดร. Pham Hung Tien รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการลงทุนจากต่างประเทศสังกัดมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยเผยว่า  “ ในการวางแผนและตรวจสอบการมอบใบอนุญาตินั้น เราต้องยกระดับประสิทธิภาพในขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกเงินทุน การตรวจสอบโครงการก่อนปฏิบัติและการตรวจสอบหลังจากที่โครงการได้รับการปฏิบัติเรียบร้อยแล้ว  ปัจจุบันจำนวนเงิน FDI ที่เบิกจ่ายในเวียดนามอยู่ที่ประมาณร้อยละ 20-30 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องให้ความสนใจมากแต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เราจะเบิกจ่ายเงินในด้านไหนและจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร

      เราสามารถมองเห็นถึงประโยชน์ของการดึงดูดเงินทุน FDI คือ นอกจากสมทบให้แก่งบประมาณแผ่นดินแล้วก็ยังมีส่วนร่วมต่อการแก้ไขปัญหางานทำและช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยให้แก่หน่วยงานอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรของเวียดนาม แต่ก็ไม่ใช่ทุกโครงการที่ปฏิบัตินั้นจะมีประสิทธิภาพตามความคาดหวัง  ยกตัวอย่างเช่น ในจำนวนโครงการ FDI ของจ. Lam Dongทั้งหมด 108 โครงการนั้น มีโครงการด้านการเกษตร 68 โครงการ ซึ่งเป็นด้านที่ได้รับสิทธิพิเศษแต่โครงการเหล่านี้ยังเป็นแค่แหล่งดึงดูดแรงงานระดับล่างได้เท่านั้น โดยยังไม่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ใหม่ ดังนั้นประชาชนจึงยังไม่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติโครงการดังกล่าว  ซึ่งจ.อื่นๆก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ นาย Pham Van Dung รองผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนและการลงทุนจ. Lam Dong เสนอว่า            “ ต้องหาทางให้นักลงทุนไม่เพียงแต่ได้กำไรเท่านั้น หากยังต้องมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยและประสบการณ์ในการผลิตให้แก่เกษตรกรในท้องถิ่นอีกด้วย

การลงทุน FDI ปี 2012 : ต้องให้ความสำคัญด้านคุณภาพ - ảnh 2
เทคโนโลยี่ขึ้นสูง (Photo Internet)

       ส่วนนาย Do Nhat Hoang อธิบดีกรมการลงทุนจากต่างประเทศสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามเผยว่า การควบคุมแหล่งเงินทุน FDI ในปี 2012 จะเน้นถึงการยกระดับคุณภาพของการลงทุน “ นโยบายการลงทุนจากต่างประเทศในเวลาข้างหน้าต้องปรับเปลี่ยนตามแนวทางการให้ความสำคัญต่อโครงสร้างและคุณภาพของการลงทุน มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้สิทธิพิเศษต่อการพัฒนาหน่วยงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและทรัพยากรณ์ธรรมชาติ พร้อมทั้งให้การลงทุนต่อหน่วยงานอุตสาหกรรมประกอบ  ควบคู่กับการดึงดูดเงินทุน ต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก่อนและหลังการมอบใบอนุญาติ

       ปี 2012 เวียดนามตั้งเป้าไว้ว่า จะดึงดูดเงินทุน FDI ได้ประมาณ 1หมื่น5พันถึง1หมื่น6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นนอกจากการใช้นโยบายผลักดันการเบิกจ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว รัฐบาลเวียดนามยังต้องให้ความสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการ FDI เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของเศรษฐกิจในสภาวการณ์ใหม่./.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด