นำผลิตภัณฑ์การเกษตรเวียดนามเจาะตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวด

(VOVWORLD) - เวียดนามกำลังอยู่อันดับที่ 15 ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าการเกษตรของโลก แต่ในภาพรวม ผลิตภัณฑ์การเกษตรของเวียดนามมีขีดความสามารถในการแข่งขันไม่สูงนัก ดังนั้น เพื่อให้การส่งออกสินค้าการเกษตรมีความยั่งยืน ในหลายปีที่ผ่านมา สินค้าการเกษตร ผักและผลไม้ของเวียดนามสามารถบรรลุมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวดของตลาดสำคัญต่างๆ เช่น ตลาดยุโรปและญี่ปุ่น
นำผลิตภัณฑ์การเกษตรเวียดนามเจาะตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวด - ảnh 1 Photo Internet

 

บริษัท Huy Long An เป็นหนึ่งในบริษัทเดินหน้าในการส่งออกสินค้าเกษตรโดยตรงไปยังญี่ปุ่นในแต่ละปี ทางบริษัทได้ส่งออกกล้วยคิดเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังตลาดญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี โดยมูลค่าการส่งออกของบริษัทในปี 2018 ได้บรรลุกว่า 3 ล้าน 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษรไปยังสองตลาดที่เข้มงวดนี้ นอกจากต้องบรรลุมาตรฐาน VietGap แล้ว กล้วยที่ปลูกบนพื้นที่กว่า 200 เฮกตาร์ของบริษัทฯ ยังต้องบรรลุมาตรฐานที่เข้มงวดของญี่ปุ่น 200 ข้อและของสาธารณรัฐเกาหลี 170 ข้ออีกด้วย และสิ่งสำคัญคือ ทางบริษัทฯ ได้ทำตามสัญญาที่เข้มงวดในด้านความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัยกับหุ้นส่วนญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ช่วยให้ทางบริษัทฯ สามารถรักษาราคาขายกล้วยที่ 15,000 ด่งต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาด 2 เท่าในขณะที่ราคาขายกล้วยในตลาดตกต่ำจนทำให้เกษตรกรในจังหวัดต่างๆทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ต้องขายแบบขาดทุนหรือปล่อยให้วัวกิน ปัจจุบันนี้ จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของหุ้นส่วน ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับครอบครัวเกษตรกร 10 ครอบครัวในอำเภอจ๋างบอม จังหวัดด่งนาย เพื่อปลูกกล้วยส่งออกเพิ่ม 100 เฮตาร์ นายหวอกวางฮวี ผู้อำนวยการบริษัทฮิวลองอานจำกัดเผยว่า “ ผมอยากร่วมมือและร่วมทุนกับเกษตรกรอย่างยั่งยืนเพื่อปลูกกล้วยส่งออก โดยทางบริษัทจะรับผิดชอบในการจำหน่ายผลผลิต ส่วนเกษตรกรต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการปลูกให้มีคุณภาพเพื่อให้หุ้นส่วนมีความเชื่อมั่นและร่วมมืออย่างยั่งยืนกับเรา”

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์การเกษตรส่งออกของเวียดนามส่วนใหญ่ยังผลิตแบบรายย่อย โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจได้แสดงความคิดเห็นว่า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์การเกษตรของเวียดนามสามารถเจาะตลาดประเทศที่พัฒนามากขึ้น จำเป็นต้องให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้บรรลุมาตรฐานสากลในด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารเช่น มาตรฐาน HACP และมาตรฐาน Global GAP โดยใบรับรอง Global Gap ถือเป็นใบเบิกทางที่ดีเพื่อให้สินค้าเวียดนามเข้าสู่ระบบจำหน่ายสินค้าและการขายปลีกที่ทันสมัยในประเทศพัฒนาเพราะผู้ขายปลีกให้ความสนใจเป็นอย่างมากถึงเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารและการตรวจสอบย้อนกลับ

แต่ใช่ว่าเกษตรกรทุกคนหรือสถานประกอบการทุกแห่งจะสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ได้เนื่องจากต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง ฟาร์มของ คุณ Nguyen HieuHuu ในตำบล Tan Hiep อำเภอ Hon Quan จังหวัด BinhPhuoc มีพื้นที่ปลูกต้นลำไยพันธุ์พื้นเมือง “สวงเกิมหว่าง” 5 ไร่ที่ได้ใบรับรอง Global GAP ซึ่งคุณHuu กล่าวว่า เพื่อได้รับใบรับรองดังกล่าว เขาต้องใช้เวลานานและเงินทุนมากกว่า 2 ร้อย 8 สิบล้านด่ง เพื่อพัฒนาฟาร์ม ต้องมีคลังเก็บปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืช มีพื้นที่กักโรคและทำการทดสอบตัวอย่างดินและน้ำ เป็นต้น ดังนั้นเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและเพิ่มเงินลงทุนในการปฏิบัติมาตรฐาน Global GAP ต้องมีความร่วมมือระหว่างเกษตรกร สหกรณ์และสถานประกอบการ ในการผสมผสาน ควรปฏิบัติตามมาตรฐาน Local G.A.P ซึ่งเป็นระยะเปลี่ยนผ่านเพื่อเข้าสู่ Global GAP  ถ้าหากมีความร่วมมือระหว่างเกษตรกร สหกรณ์และสถานประกอบการ ต้นทุนจะลดลงแน่นอน และช่วยให้เรามีผลผลิตมากพอเพื่อการส่งออกอย่างยั่งยืน”

เพื่อสนับสนุนสถานประกอบการ สมาคมผู้ประกอบการสินค้าเวียดนามคุณภาพสูงหรือ BSA ได้ร่วมกับ Global GAP กำหนดมาตรฐาน Local G.A.P ซึ่งเป็นระยะเปลี่ยนผ่านเพื่อให้สินค้าการเกษตรของเวียดนามมีเวลาเตรียมพร้อมปฏิบัติเงื่อนไขอื่นเพื่อได้รับใบรับรอง Global GAP

การส่งออกสินค้าการเกษตรของเวียดนามไปยังประเทศพัฒนาคือแนวทางที่ดี มีประสิทธิภาพและยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อส่งเสริมการส่งออกตามแนวทางนี้ สินค้าการเกษตรของเวียดนามต้องมี "มาตรฐาน" และ "คุณภาพ"  ซึ่งเกษตรกร ผู้ผลิตและสถานประกอบการต้องเพิ่มความร่วมมือกันเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าสินค้าผ่านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการแปรรูปและการผลิต.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด