Photo Internet

ฮานอยเป็นท้องถิ่นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยนับจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2018 ในกรุงฮานอยมีโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอที่กำลังประกอบธุรกิจประมาณ 4,300 แห่ง รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า 33 ล้านล้านด่ง และนับรวมใน 9 เดือนที่ผ่านมา ฮานอยเป็นท้องถิ่นนำหน้าของประเทศในการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการปฏิรูประเบียบราชการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การขยายตัวของการผลิต โดยเฉพาะการปฏิบัติระเบียบการ One stop service ในสำนักงานบริหารราชการต่างๆ รวมถึงการที่สามารถรับและส่งเอกสารผ่านการบริการไปรษณีย์ได้ช่วยประหยัดเวลาในการทำระเบียบราชการ นายเหงียนดึ๊กจุง ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยระบุว่า            “ควบคู่กับความพยายามปฏิบัติการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพ ทางการกรุงฮานอยได้มุ่งมั่นสร้างบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจที่สะดวกผ่านการปฏิรูประเบียบราชการ ผลักดันการสร้างรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และการให้บริการสาธารณะผ่านระบบอินเตอร์เน็ต พร้อมทั้งการเดินพร้อมกับสถานประกอบการและถือประชาชนเป็นศูนย์กลางในการให้บริการสาธารณะ”

ในขณะเดียวกัน ในเขตตะวันออกภาคใต้  จังหวัดบิ่งเยืองคือท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนเนื่องจากมีนโยบายและการปฏิรูประเบียบราชการอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถดึงดูดการลงทุนเอฟดีไอได้กว่า 3,800 โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและอยู่อันดับที่ 3 ของประเทศในการดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ นายเจิ่นแทงเลียม ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบิ่งเยืองเผยว่า            “ผลสำเร็จดังกล่าวมาจากความพยายามของทางการและหน่วยงานทุกระดับในการสร้างบรรยากาศที่สะดวก รับฟังและแก้ไขอุปสรรคต่างๆของสถานประกอบการอย่างทันท่วงทีเพื่อสร้างความไว้วางใจต่อนักลงทุนและสถานประกอบการ นอกจากนี้ ทางการจังหวัดฯได้เน้นปฏิรูประเบียบราชการและมีความเปิดเผยในการปฏิบัติงานของสำนักงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานที่มีหน้าที่ดำเนินงานด้านระเบียบราชการของนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ”

ควบคู่กับการปฏิรูประเบียบราชการของท้องถิ่น กระทรวงและหน่วยงานต่างๆได้ลดเงื่อนไขการประกอบธุรกิจ ซึ่งได้มีส่วนร่วมลดค่าใช้จ่ายในการทำระเบียบการต่างๆ เช่น การเจาะตลาด การก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบธุรกิจ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในการปฏิรูปบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจ กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ควรให้ความสนใจมากขึ้นต่อการปฏิบัติมาตรการเหล่านี้อย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับหน้าที่นี้ รองนายกรัฐมนตรีเจืองหว่าบิ่งห์ได้กำชับว่า            “กระทรวงและท้องถิ่นต้องปรับปรุงการดำเนินงานต่อไปเพื่อช่วยให้ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปมาทำระเบียบการหลายครั้ง แก้ไขปัญหาที่ขาดความเปิดเผยและโปร่งใสในการแจ้งข้อมูลและความล่าช้าในการทำระเบียบการ ต้องลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่ละเมิดข้อกำหนดการทำระเบียบการตามข้อร้องเรียนขององค์กรและบุคคล”

การปฏิรูปในขั้นพื้นฐาน สร้างการเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็งด้านบรรยากาศการประกอบธุรกิจและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจได้มีส่วนร่วมผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจให้มีความมั่นคงและรวดเร็ว สร้างบรรยากาศการลงทุนที่สะดวก นี่คือหนึ่งในมาตรการหลักเพื่อค้ำประกันการปฏิบัติหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมในปี 2018 ให้ลุล่วงไปด้วยดี.