ใน 10 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของผู้ประกอบการเอฟดีไอบรรลุกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นกว่าร้อยละ 70 ของยอดมูลค่าการส่งออกของประเทศ ทำให้เวียดนามได้เปรียบดุลการค้า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การเสียเปรียบดุลการค้าลดลงและสร้างความสมดุลย์ระหว่างการส่งออกกับการนำเข้า  ในเวลาข้างหน้าเมื่อข้อตกลงการค้าระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆมีผลบังคับใช้ ก็จะช่วยให้เวียดนามสามารถดึงดูดเงินลงทุนได้มากขึ้น นี่ยังเป็นโอกาสเพื่อผลักดันการส่งออกของเวียดนาม แต่ก็สร้างความท้าทายในการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการผลิตเพื่อการส่งออก ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ลึวบิ๊กโห่ ให้ข้อสังเกตว่า ผู้ประกอบการเวียดนามต้องถือผู้ประกอบการเอฟดีไอเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนา ไม่พึ่งพาผู้ประกอบเอฟดีไอเพื่อคํ้าประกันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

“ผู้ประกอบการเอฟดีไอมีบทบาทสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของเวียดนาม ซึ่งถือเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การผลักดันการส่งออกเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ในอนาคต เราจะยังคงดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพื่อผลักดันการผลิตอุตสาหกรรมและการเกษตรเพื่อการส่งออกควบคู่กับการส่งเสริมผู้ประกอบการภายในประเทศในการผลิตและส่งออก”

ส่วนนาย เหงวียนมิงฟอง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้เผยว่า เวียดนามควรกระตุ้นสถานประกอบการภายในประเทศพัฒนาและเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการเอฟดีไอ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเวียดนามต้องทำการเปลี่ยนแปลงใหม่และแสวงหามาตรการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อตอบสนองความต้องการของหุ้นส่วนต่างชาติและการผสมผสานในปัจจุบัน

“ถ้าเรามีมาตรการที่เหมาะสม ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานประกอบเอฟดีไอให้กลายเป็นเสาหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและการเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานของโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหน่วยงานบริหารภาครัฐต้องปรับปรุงระบบกฎหมายเพื่อรับมือกับปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมและปัญหาการพิพาทระหว่างผู้ใช้แรงงานกับนายจ้าง พร้อมทั้งบริหารจัดการแหล่งเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศและโครงการลงทุนเอฟดีไอให้ดำเนินงานตรงตามเป้าหมาย”

การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศคือแนวโน้มสำคัญของประเทศที่กำลังพัฒนา รวมถึงเวียดนาม นาย เหงวียนวันตว่าน อุปนายกสมาคมนักลงทุนต่างชาติได้เผยว่า เพื่อให้เศรษฐกิจเวียดนามพัฒนาอย่างยั่งยืน ต้องปรับปรุงการดึงดูดการลงทุนโดยตรงตามเป้าหมายทางยุทธศาสตร์และมีนโยบายเพื่อเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการเวียดนามกับสถานประกอบการเอฟดีไอ ซึ่งถ้าหากสถานประกอบการเวียดนามสามารถเชื่อมโยงกับสถานประกอบการเอฟดีไออย่างมีประสิทธิภาพ สถานประกอบการเวียดนามและสถานประกอบการเอฟดีไอก็จะสามารถร่วมมือกันผลิตเพื่อการส่งออกได้

เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศคือแหล่งเงินทุนสำคัญเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม แต่เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เวียดนามควรปรับปรุงนโยบายดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการภายในประเทศพัฒนาเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน.