ส่งเสริมการควบคุมการลงทุนภาครัฐต่อไป
Manh Hung -  
เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ออกมติ 1792 ที่ระบุถึงความจำเป็นในการส่งเสริมการควบคุมการลงทุนภาครัฐต่อไป โดยต้องลดการลงทุนภาครัฐโดยเร็ว ระดมแหล่งเงินทุนของทุกภาคเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ เปลี่ยนรูปแบบการประกอบธุรกิจ ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของรัฐบาลเวียดนามในการแก้ไขปัญหาการลงทุนแบบกระจัดกระจายที่ขาดประสิทธิภาพในเวลาที่ผ่านมา
เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ออกมติ 1792 ที่ระบุถึงความจำเป็นในการส่งเสริมการควบคุมการลงทุนภาครัฐต่อไป โดยกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องลดการลงทุนภาครัฐโดยเร็ว พร้อมทั้งระดมแหล่งเงินทุนของทุกภาคเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อเน้นลงทุนโครงการด้านสาธารณูปโภคแต่จะไม่สงวนเงินให้แก่โครงการที่จะต้องเปลี่ยนรูปแบบการประกอบธุรกิจ ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของรัฐบาลเวียดนามในการแก้ไขปัญหาการลงทุนแบบกระจัดกระจายที่ขาดประสิทธิภาพในเวลาที่ผ่านมา
|
นาย Bui Quang Vinh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนวน.เผยว่า ภายใต้มติดังกล่าว จะมีโครงการที่ได้รับการอนุมัติในช่วงปี 2011-2015 2ใน3โครงการไม่ได้รับเงินทุนภาครัฐ โดยโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นโครงการที่สำคัญเช่น การก่อสร้างถนนสายต่างๆ ระบบชลประทาน โรงเรียนและโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่พอใจเนื่องจากการขาดเงินทุนและการเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน แต่ในสภาวการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องมีความเข้มงวดในการจัดสรรค์เงินทุนโดยเน้นในโครงการหลักๆก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการปฏิบัติในทั่วโลกเนื่องจากช่วยลดภาระด้านงบประมาณแผ่นดินและเปิดโอกาสให้แก่นักลงทุนอื่นๆ ซึ่งนาย Bui Quang Vinh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนวน.ได้กล่าวเน้นว่า กระทรวงและหน่วยงานทุกระดับต้องสร้างระเบียบการที่อำนวยความสะดวกให้แก่การระดมพลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนพัฒนา “
เพื่อปฏิบัติมติ 1792 ในปี 2012และในปีต่อๆไป ทางกระทรวงจะตรวจสอบข้อกำหนดของรูปแบบการขอลงทุน เช่น PPPและBOT ที่มีการลงทุนของนักลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในช่วงนี้ เราควรมีระเบียบการที่เปิดเผยมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมทั้งการช่วยเหลือจากรัฐให้แก่สถานประกอบการภาคเอกชน”
มติดังกล่าวได้รับความเห็นพ้องจากกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่น ซึ่งนาย Ho Duc Phoc ประธานคณะกรรมการจ. Nghe An ยืนยันว่า ทางจ.พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม “เพื่อการดึงดูดนักลงทุนภาคเอกชน ก่อนอื่นเราต้องทำการปฏิรูประเบียบราชการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ผลักดันการเวนคืนที่ดิน การจัดสรรค์แหล่งบุคลากรและระเบียบนโยบายเพื่อให้นักลงทุนมองเห็นศักยภาพของการลงทุนในท้องถิ่น”
แต่อย่างไรก็ตาม นาย Bui Quang Vinh ยังเผยว่า การเรียกเงินลงทุนดังกล่าว อาจจะใช้สำหรับโครงการที่มีอัตราการคืนเงินทุนสูงในกรุงฮานอย นครโฮจิมินห์และนครใหญ่ๆ ส่วนในท้องถิ่นที่มีอุปสรรคต่างๆ รวมไปถึงความลำบากในการเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนและมีระเบียบการที่เข้มงวดอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน “
ในจ.เขตเขาและชายแดน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลงทุนให้แก่โครงการต่างๆอาจทำได้ยาก ดังนั้น รัฐต้องให้ความสนใจดูแลปัญหานี้ โดยเฉพาะต้องให้การช่วยเหลือมากขึ้นโดยผ่านการจัดสรรค์เงินทุนมากกว่าจ.อื่นๆ แต่ถ้าหากท้องถิ่นเหล่านี้มีการลงทุนในขอบเขตที่กว้างมากเกินไปก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบทั่วไป”
นับเป็นครั้งแรกที่ระเบียบการว่าด้วยความรับผิดชอบของบุคคลในการลงนามอนุมัติและตรวจสอบโครงการพร้อมทั้งการจัดสรรค์เงินทุนให้แก่โครงการได้ถูกระบุในมติดังกล่าว ซึ่งบุคคลคนที่ปล่อยให้โครงการใช้เวลาในการก่อสร้างนานเกินไปและใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยก็จะต้องรับผิดชอบทั้งในด้านราชการและเศรษฐกิจ มาตรการใหม่อีกประการในมติ 1792 ของรัฐบาลคือ กระทรวงวางแผนและการลงทุนต้องแจ้งแผนการที่เป็นรูปธรรมในการจัดสรรค์เงินทุนในรอบ 3 ปีหรือ 5 ปีที่จะถึงแทนการวางแผนที่ไม่เป็นฝ่ายรุกเหมือนหลายปีที่ผ่านมา บนพื้นฐานดังกล่าว กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นจะจัดสรรค์เงินทุนด้วยตนเองภายใต้การตรวจสอบจากส่วนกลางเพื่อไม่ให้เกิดกรณีการลงทุนในขอบเขตที่กว้างเกินไป ส่วนบรรดาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจเห็นว่า มติ 1792 ของรัฐบาลจะช่วยให้การจัดสรรค์เงินทุนนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นพลังขับเคลื่อนและเป็นพื้นฐานให้แก่การปฏิรูปการลงทุนภาครัฐ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลวน.พร้อมที่จะสนับสนุนนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในโครงการภาครัฐต่างๆ./.
Manh Hung