(VOVWorld) – ในหลายปีที่ผ่านมา อาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวายในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงได้สร้างรายได้และงานทำนับล้านตำแหน่งซึ่งในปี๒๐๑๑ รายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาสวายอยู่ที่๑พัน๘ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี อาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวายก็กำลังประสบอุปสรรคและความท้าทายนานัปการเนื่องจากความต้องการของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทจึงได้ตัดสินใจจัดตั้งสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาสวาย ในเดือนมกราคมปี๒๐๑๓ 

ท่าเรือVũng Rô เป็นหนึงในสถานที่เพาะเลี้ยงปลาสวายในเวียดนาม(Photo:Internet)

(VOVWorld) –  ปี๒๐๑๒ เป็นปีที่เต็มไปด้วยความยากลำบากของผู้เพาะเลี้ยงปลาสวายในเวียดนามซึ่งตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท มีสถานประกอบการประมาณ๑๖๐แห่งที่ทำการส่งออก เมื่อเทียบกับปี๒๐๑๑ที่มีสถานประกอบการส่งออกปลาสวาย๒๓๐แห่ง ลดลงร้อยละ๓๐ซึ่งในนั้นมีสถานประกอบการร้อยละ๒๐ที่สามารถทำการส่งออกอย่างมีเสถียรภาพ ส่วนที่เหลือก็ทำการผลิตและการส่งออกได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น การจัดตั้งสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาสวายในเดือนมกราคมนี้จึงมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อการพัฒนาอาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวาย การขยายตัวของประเทศ โดยเฉพาะ ของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง สร้างเอกภาพในการแก้ไขปัญหาสมดุลย์ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ราคาวัตถุดิบไม่มีเสถียรภาพ การแข่งขันที่ไม่โปร่งใส อุปสรรคในการเพาะเลี้ยง แปรรูป ส่งออก และตลาดจำหน่ายปลาสวายในเวลาที่ผ่านมา ช่วยให้อาชีพเพาะเลี้ยง แปรูปและจำหน่ายปลาสวายพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ มั่นคงและเชื่อมโยงกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นายNguyễn Ngọc Hải หัวหน้าสหกรณ์เพาะเลี้ยงปลาสวายเขตOmon นครCần Thơ กล่าวว่า“ในหลายปีที่ผ่านมา ผู้เพาะเลี้ยงปลาสวายเช่นผมประสบอุปสรรค์นานัปการ  ข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาสวายเป็นข่าวที่น่ายินดี หวังว่า ทางสมาคมจะช่วยเหลือผู้เพาะเลี้ยงในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อมีผลกำไร และไม่ปล่อยให้สินค้าค้างสต๊อก”  

สวีเดนและเดนมาร์คได้รับรองปลาสวายของเวียดนามว่า ถูกเพาะเลี้ยงตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล (Photo:Internet)

ปัจจุบัน เวียดนามได้ส่งออกปลาสวายไปยังหลายประเทศ  หน่วยงานเพาะเลี้ยงปลาสวายเพื่อส่งออกมีโอกาสพัฒนามากมายแต่ก็ประสบความท้าทายนานัปการเนื่องจากขาดขีดความสามารถในการแข่งขัน ทักษะในการบริหาร นอกจากนี้ ความต้องการด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของผู้นำเข้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและนับวันยิ่งเข้มงวดมากขึ้นพร้อมกับการถูกฟ้องร้องขายทุ่มตลาดและการกีดกันทางการค้าได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบ การภายในประเทศ นายTrần Văn Hùng ประธานคณะผู้บริหารเครือบริษัทจำกัดHùng Cá ในจังหวัดĐồng Tháp กล่าวว่า“นี่เป็นความปรารถนาที่ยาวนานของบรรดาสถานประกอบการ ผมหวังว่า เจ้าหน้าที่บริหารสมาคมจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ เคยทำงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีโอกาสสัมผัสกับสถานการณ์ที่เป็นจริงเพื่อช่วยให้ปลาสวายของเวียดนามเป็นปลาที่ได้รับความนิยมบริโภคในหลายประเทศมากขึ้น”

การแปรรูปปลาสวายเพื่อส่งออก (Photo:Internet)

โครงการพัฒนาการผลิตและจำหน่ายปลาสวายในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจนถึงปี๒๐๒๐ระบุว่า ปลาสวายเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักของเวียดนามดังนั้นควบคู่กับการจัดตั้งคณะกรรมการชี้นำของรัฐบาล การจัดตั้งสมาคมเพื่อบริหารหน่วยงานเพาะเลี้ยงปลาสวายในทุกด้านและพัฒนาอย่างยั่งยืนจึงมีความจำเป็น  อีกทั้งมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของจังหวัดต่างๆสร้างงานได้มากขึ้น มีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ โดยเฉพาะ เชิดชูภาพลักษณ์ของปลาสวายเวียดนามบนเวทีโลก นายVương Bình Thạnh ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดAn Giang กล่าวว่า ควรมีข้อกำหนดที่ว่า ปลาสวายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประกอบธุรกิจอย่างมีเงื่อนไขพร้อมกับนโยบายลดดอกเบี้ยเหลือ๐%ตั้งแต่๖เดือนถึง๑ปีให้แก่หน่วยงานเพาะเลี้ยงปลาสวาย“ ทางสมาคมควรจัดสรรการผลิตใหม่ตั้งแต่การวางแผน การเพาะเลี้ยงและการแปรรูปโดยมีการเชื่อมโยงกับตลาด ผมมีความประสงค์ว่า กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สมาคมปลาสวายและ๘จังหวัดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจะร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อพัฒนาปลาสวายเวียดนาม”    เมื่อเร็วๆนี้ สวีเดนและเดนมาร์คได้รับรองปลาสวายของเวียดนามว่า ถูกเพาะเลี้ยงตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เมื่อกลางเดือนสิงหาคมปี๒๐๑๒ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ยกเลิกการกำหนดภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดต่อปลาสวายของเวียดนาม ดังนั้น การจัดตั้งสมาคมปลาสวายจะเป็นพื้นฐานและเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้ปลาสวายของเวียดนามนับวันยิ่งพัฒนาอย่างยั่งยืนและสามารถเจาะตลาดโลกได้ดีขึ้น./.