เปลี่ยนแปลงวิธีการคิดเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในยุค 4.0

(VOVWORLD) - ในสภาวการณ์ที่การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเข้มแข็ง ปัจจัยที่มีความสำคัญอันดับแรกของการพัฒนาในปัจจุบันไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติหรือแหล่งพลังการเงิน หากเป็นภูมิปัญญา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี แนวคิดนวัตกรรมและคุณภาพของแหล่งบุคลากร ซึ่งถือเป็นศักยภาพและเป็นจุดแข็งของประเทศเวียดนาม ดังนั้น เพื่อพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยในยุค4.0 เวียดนามต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดในเชิงการปฏิบัติ
เปลี่ยนแปลงวิธีการคิดเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในยุค 4.0 - ảnh 1

ในปัจจุบัน การคิดเกี่ยวกับการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมในเวียดนามคือการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจเชิงตลาด ผสมผสานเข้ากับกระแสโลก การใช้เงื่อนไขและผลงานของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ยั่งยืนและครอบคลุม ในทางเป็นจริง เพื่อพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรม นอกจากมีพลังจูงใจแล้ว ยังต้องการพลังที่เป็นรูปธรรมต่างๆ โดยเฉพาะพลังจากวิทยาศาสตร์ – เทคโนโลยีและแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง รองนายกรัฐมนตรีหวูดึ๊กดามยืนยันว่า  “ความเข้าใจ ความตระหนักคือปัจจัยอันดับแรก ต้องถือวิทยาศสตร์เทคโนโลยีคือนโยบายหลักของประเทศ เป็นพลังขับเคลื่อนและกุญแจที่สำคัญช่วยให้เวียดนามหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเพื่อพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น”

รองนายกรัฐมนตรีหวูดึ๊กดามยังเผยว่า เพื่อให้ประเทศเวียดนามยกระดับดัชนีและตามทันการปฏิวัติอุตสหกรรม 4.0 ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วนั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกลไกนโยบายสำหรับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี โดยนโยบายเหล่านี้ต้องถือสถานประกอบการเป็นศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรม ผลักดันให้สถานประกอบการเน้นลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มีการจัดตั้งสถาบันวิจัยภาคเอกชนมากขึ้น

จากสถานการณ์ที่เป็นจริงในปัจจุบันได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ได้ส่งผลให้วิธีการผลิตและโครงสร้างสังคมรวมทั้งมนุษย์ มีการเปลี่ยนแปลง นาย เหงียนวันหวิง รองหัวหน้าสถาบันยุทธศาสตร์การพัฒนาหรือวีไอดีเอสเผยว่า ในแนวโน้มของโลกาภิวัตน์และการผสมผสาน บวกกับก้าวกระโดดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เช่น อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่งหรือ IoT ปัญญาประดิษฐ์และวัสดุใหม่ๆ เป็นต้น จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการคิดเกี่ยวกับการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรม            “รัฐบาลต้องทำอย่างไรเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนที่เป็นพื้นฐานในกรแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้กับการพัฒนาของเทคโนโลยีเพื่อสร้างการเชื่อมโยงเพราะการพัฒนาตามแนวทางอุตสาหกรรมในระยะต่อไปคือการเปลี่ยนแปลงทั้งสังคมไปสู่เศรษฐกิจที่ทันสมัยโดยมีเศรษฐกิจดิจิทัลและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอนาคตเป็นพื้นฐาน”

ตามความเห็นของนาย เหงียนวันหวิง การเปลี่ยนแปลงใหม่ต้องได้รับการแปรให้เป็นการปฏิบัติ เป็นยุทธศาสตร์และกรอบทางนิตินัยที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้กำลังการผลิตในประเทศสามารถเข้าร่วมกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกได้ ในคณะเดียวกัน เพื่อให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนามสามารถพัฒนาสมกับศักภาพและบทบาทของนโยบายแห่งชาติในแผนการพัฒนาของประเทศนั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของแถวกระบวนเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร นาย โด๋วันควา ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจังหวัดห่าติ๋งเผยว่า            “สิ่งที่สำคัญคือผู้บริหารหน่วยงาน สถานประกอบการ ท้องถิ่นและสถาบันวิจัยทุกระดับต้องตระหนักได้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน นอกจากนี้เราก็ต้องเข้าถึงเงื่อนไขของการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีเพื่อที่จะสามารถชี้นำและมีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ได้วางไว้”

มติของกรมการเมืองเกี่ยวกับการกำหนดการจัดทำนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศถึงปี 2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2045 ที่กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ภายในปี 2030 เวียดนามจะเสร็จสิ้นเป้าหมายการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยในขั้นพื้นฐาน ติดกลุ่ม 3 ประเทศชั้นนำในอาเซียนด้านอุตสาหกรรม มีหน่วยงานอุตสาหกรรมที่สามารถแข่งขันกับโลกและเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าโลกในเชิงลึก ส่วนในวิสัยทัศน์ถึงปี 2045 เวียดนามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งด้านความคิดและการปฏิบัติจะช่วยให้เวียดนามฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายต่างๆของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และเสร็จสิ้นเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามแผนที่วางไว้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด