ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 46 นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า ในเวลาที่ผ่านมา โลกได้เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองและเศรษฐกิจ ในสภาวการณ์นี้อาเซียนต้องเพิ่มการส่งเสริมการปฏิบัติ “5 ประเด็น” ได้แก่ ส่งเสริมความสามัคคีมากขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน พึ่งตัวเองมากขึ้นเพื่อกำหนดก้าวเดินของตนเอง เป็นฝ่ายรุกมากขึ้นเพื่อกำหนดการบริหาร ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อให้อาเซียนเป็นชายคาแห่งความสามัคคีของทุกประเทศและความยั่งยืนเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป

ในเวลาที่จะถึง นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เสนอเนื้อหาความร่วมมือสำคัญของอาเซียน 3 ประเด็น 1 คืออาเซียนกำหนดแนวคิดการพัฒนาโดยเน้นความครอบคลุมเป็นพื้นฐาน นวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อน และความยั่งยืนเป็นจุดหมายปลายทาง 2 คืออาเซียนจำเป็นต้องส่งเสริมบทบาทในการเชื่อมโยงและขยายการเชื่อมโยงกับนอกภูมิภาคต่อไป รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตลาดและห่วงโซ่อุปทาน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังได้เสนอว่า อาเซียนควรส่งเสริมเสียงพูดที่เข้มแข็งร่วมกัน สนับสนุนหลักการการค้าที่เสรี ยุติธรรม ครอบคลุมและการให้ความสำคัญต่อลัทธิพหุภาคี

ประเด็นที่ 3 อาเซียนธำรงบทบาทเป็นศูนย์กลางและเพิ่มความสามารถในการพึ่งตนเองของภูมิภาค นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ย้ำว่า ความสำเร็จของอาเซียนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็นอิสระและการตัดสินใจด้วยตนเองในการดำเนินนโยบายระดับภูมิภาค อาเซียนจำเป็นต้องยืนยันบทบาทสำคัญของตน รวมถึงการปฏิบัติ โดยรักษายุทธศาสตร์ที่มีความเป็นอิสระ ส่งเสริมฉันทามติภายในกลุ่ม และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวในเชิงรุกต่อความผันผวนจากภายนอก

ในการประชุม บรรดาผู้นำอาเซียนได้เห็นพ้องที่จะอนุมัติเอกสาร “อาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา” และเห็นพ้องรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนลำดับที่ 11 ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ในเดือนตุลาคมนี้.