นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมการอภิปราย “Smart Grid: Connecting through Autonomous AI”
(VOVWORLD) - ในกรอบฟอรั่มเศรษฐกิจอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับหรือ GCC ปี 2025 เช้าวันที่ 28 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง และนาย อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เข้าร่วมการอภิปราย “Smart Grid: Connecting through Autonomous AI”
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม |
ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของบรรดาผู้นำเกี่ยวกับ AI การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลในรอบด้าน บทบาทของความร่วมมืออาเซียน – GCC – จีนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่น่าเชื่อถือและครอบคลุม ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า
“ควบคู่กับการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสนับสนุนการสื่อสาร การผลิต ประกอบธุรกิจและการพัฒนา ก็ต้องรักษาความปลอดภัย อารยธรรมและความเป็นมนุษย์ตามแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ธรรมาภิบาลอัจฉริยะ มีกลไกที่โปร่งใสเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและบริหารจัดการเรื่อง AI ได้”
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้แสดงความประสงค์ว่า ประเทศพัฒนาควรช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาในการพัฒนา AI เพื่อค้ำประกันการพัฒนาที่รอบด้านอย่างครอบคลุม ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังผ่านกลไกและนโยบายส่งเสริมการพัฒนา การแก้ไขปัญหาต่างๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ ฐานข้อมูล ระบบไฟฟ้า ซึ่งอาเซียน GCCและจีนจะสนับสนุนกันเพื่อส่งเสริมศักยภาพ ความได้เปรียบในการแข่งขันและโอกาสต่างๆ เพื่อพัฒนาร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัย ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย |
ในเช้าวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เดินทางไปเยือนมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย ซึ่งในการกล่าวปราศรัยต่ออาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้ง ได้กล่าวย้ำถึงบทบาทสำคัญของการศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลต่อทุกประเทศและภูมิภาค โดยถือว่า ปัญญาชนจะเป็นผู้ที่ไขกุญแจไปสู่ประตูแห่งเทคโนโลยีในอนาคตในสภาวการณ์โลกาภิวัตน์ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ความต้องการพัฒนาแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งถึงเวลาแล้วที่สถาบันการศึกษาต่างๆ ต้องมีบทบาทสำคัญในการเตรียมพร้อมแหล่งบุคลากรสำหรับอนาคต ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นแหล่งบุคลากรของของประเทศเท่านั้น หากยังต้องเป็นบุคลากรของภูมิภาคและโลกอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังเสนอให้ทางมหาวิทยาลัยและฝ่ายเวียดนามขยายการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ในการจัดทำกลไกให้แก่รูปแบบเศรษฐกิจใหม่ ธรรมาภิบาล AI ขยายการเชื่อมโยงเขตไฮเทค ศูนย์นวัตกรรมและศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งชื่นชมทางมหาวิทยาลัยฯ ที่ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงเกี่ยวกับความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 2 แห่งของเวียดนาม.