ประธานประเทศ เลืองเกื่อง กล่าวปราศรัย (Photo: VOV)

ในการนี้ ประธานประเทศ เลืองเกื่อง ได้ทบทวนประวัติศาสตร์แห่งความสามัคคี การเชื่อมโยงและความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานระหว่างเวียดนามกับบรรดาประเทศอาหรับในภารกิจการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชของประชาชาติและการพัฒนาของแต่ละฝ่าย  พร้อมทั้งเผยว่า ในสภาวการณ์ที่โลกกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งสถานการณ์ในจุดร้อนในภูมิภาคและโลก การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร แหล่งน้ำและความมั่นคงทางไซเบอร์ เวียดนามและบรรดาประเทศอาหรับควรผลักดันความสามัคคี เชิดชูลัทธิพหุภาคี มีส่วนร่วมต่อการสร้างสรรค์ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางเศรษฐกิจและการเมืองในโลก ความยุติธรรม  ความเสมอภาคบนพื้นฐานของกฎหมายสากล สำหรับการกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ประธานประเทศ เลืองเกื่อง ชี้ชัดว่า เศรษฐกิจของสองฝ่ายสนับสนุนกัน สามารถร่วมกันผลักดันการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การพัฒนาพลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานจากลม เป็นต้น ส่งเสริมโครงการร่วมมือด้านแรงงาน การศึกษาและฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและศิลปะ

ภาพของการพบปะ (Photo: VOV)

ส่วนในการพบปะกับนาย Ahmed Aboul Gheit เลขาธิการสันนิบาตอาหรับในเช้าวันเดียวกัน ประธานประเทศ เลืองเกื่อง ได้ชื่นชมบทบาทและส่วนร่วมของสันนิบาตอาหรับในการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาและโลก  พร้อมทั้งเสนอให้เวียดนามและบรรดาประเทศสมาชิกสันนิบาตอาหรับผลักดันการปฏิบัติโครงการร่วมมือที่ได้ลงนาม การทาบทาม การประสานงานอย่างใกล้ชิดและสนับสนุนกันในฟอรั่มพหุภาคี โดยเฉพาะสหประชาชาติ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เวียดนามพร้อมเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสันนิบาตอาหรับกับอาเซียน ส่วนนาย Ahmed Aboul Gheit ยืนยันว่า สันนิบาตอาหรับและบรรดาประเทศสมาชิกให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านกับเวียดนาม พร้อมทั้งขอบคุญเวียดนามที่มีจุดยืนที่สมดุล สอดคล้องกับกฎหมายสากลและกฎบัตรสหประชาชาติต่อปัญหาระหว่างประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนการต่อสู้ที่ชอบธรรมของประชาชนปาเลสไตน์.