ในการนี้ ประธานประเทศ เลืองเกื่อง ได้ย้ำว่า ความร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศกำลังอยู่ในระยะแห่งการพัฒนาที่ดีงามภายหลังกว่าครึ่งศตวรรษที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศจะได้รับการพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ นำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก ส่วนนาง Sam Mostyn เผยว่า การยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์มในทุกด้านเมื่อเดือนมีนาคมปี 2024 เป็นนิมิตหมายครั้งประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์และความปรารถนาร่วมของทั้งสองประเทศ มุ่งสู่ความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีงามมากขึ้นให้แก่ทั้งสองประเทศ

ก่อนหน้านั้น เมื่อบ่ายวันที่ 10 กันยายน  ในการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กับนาง Sam Mostyn ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันความร่วมมือด้านกลาโหม-ความมั่นคงที่นับวันน่าเชื่อถือ เชิงวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา การศึกษาและฝึกอบรม วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี วัฒนธรรม การพบปะสังสรรค์ระดับประชาชนระหว่างสองประเทศ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เสนอให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและเพิ่มยอดเงินลงทุนระหว่างสองประเทศขึ้นเป็น 2 เท่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ขยายความร่วมมือและการลงทุนในด้านแร่ธาตุ ที่ดินหายากและพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งเสนอให้ออสเตรเลียช่วยเหลือเวียดนามในการจัดทำฐานข้อมูลประชากรแห่งชาติและฐานข้อมูลแห่งชาติเวียดนาม สนับสนุนการยกระดับทักษะความสามารถให้แก่เจ้าหน้าที่ข้าราชการของเวียดนาม เอื้อให้แก่ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในออสเตรเลีย รวม 3 แสนคน ส่วนนาง Sam Mostyn เผยว่า ออสเตรียมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมการลงทุนในเวียดนามผ่านสำนักงานการส่งเสริมการลงทุนในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ สนับสนุนเวียดนามในการเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ในเดือนตุลาคมนี้ มีความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศเพื่อมีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพ.