นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กับบรรดาผู้แทน

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง แสดงความประสงค์ว่า สถานประกอบการด้านโลจิสติกส์จะยังคงเปลี่ยนแปลงใหม่ด้านการบริหารจัดการ เชื่อมโยงเครือข่าย ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงสีเขียว พร้อมทั้งส่งเสริมจิตใจแห่ง “การพึ่งตนเอง นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ ความสามัคคี และความร่วมมือ” เพื่อก้าวไปสู่ภูมิภาคและทั่วโลก ฟอรั่มมีผู้แทนจากทั้งภายในและต่างประเทศกว่า 500 คนเข้าร่วม

ก่อนเริ่มการประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง และบรรดาผู้แทนได้เข้าร่วมพิธีเปิดการรณรงค์บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภอุทกภัยในภาคกลางและเขตเตยเงวียน ในการกล่าวปราศรัยในฟอรั่ม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า เวียดนามมีความได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ การลงทุนด้านโลจิสติกส์ยังคงกระจัดกระจายและไม่เพียงพอ ทำให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังมีพื้นที่เพื่อการพัฒนาอีกมาก รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมนี้เพื่อมีส่วนร่วมบรรลุเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยกว่าร้อยละ 10 ต่อปีอย่างต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมูลค่าเพิ่มของบริการโลจิสติกส์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP อยู่ที่ร้อยละ 6-7 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 15-16 และต้นทุนโลจิสติกส์เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลดลงเหลือร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลก นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ย้ำว่า

“ต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่ “สีเขียว” “ดิจิทัล” และ “อัจฉริยะ” โดย “สีเขียว” หมายถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนและมีมนุษยธรรม “ดิจิทัล” หมายถึงการพัฒนาที่รวดเร็วและทันสมัย เชื่อมโยงฐานข้อมูลโลจิสติกส์เข้าด้วยกันเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านโลจิสติกส์สีเขียว โลจิสติกส์คาร์บอนต่ำ และธำรงอัตรามูลค่าเพิ่มให้อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 20-25 ภายในปี 2030 ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้”

ปี 2025 เวียดนามจะได้รับการจัดอันดับจากองค์กรระหว่างประเทศให้เป็น 1 ใน 10 ตลาดโลจิสติกส์เกิดใหม่ อันดับที่ 5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอันดับที่ 40 ของโลกในด้านดัชนีประสิทธิภาพโลจิสติกส์.