ในการนี้ ประธานประเทศ เลืองเกื่อง ได้ระบุว่า ในตลอดกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เวียดนามและเบลเยียมได้กลายเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญในด้านการเมือง การทูต การค้า การลงทุน สาธารณสุข การศึกษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกัน พร้อมทั้งมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด มีประสิทธิภาพและสนับสนุนความคิดริเริ่มของกันในฟอรั่มพหุภาคีต่างๆ โดยเฉพาะในขณะที่ทั้งสองประเทศต่างเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2023-2025 ประธานประเทศ เลืองเกื่อง ยืนยันว่า

“จากความสำเร็จในการเจรจาของข้าพเจ้ากับสมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิปแห่งเบลเยียม และการทรงสนับสนุนของสมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิปแห่งเบลเยียมและสมเด็จพระราชินี มาทิลดา บนพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ไมตรีและความร่วมมือที่มีมาช้านานระหว่างสองประเทศ ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นต่ออนาคตที่สดใสของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยสองประเทศจะร่วมแรงร่วมใจกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพนี้ให้นับวันพัฒนาอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก”

ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิปแห่งเบลเยียมทรงยืนยันถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างเวียดนามกับเบลเยียม โดยในวันนี้ ความสัมพันธ์หุ้นส่วนใหม่ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างดีงาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอนาคตอันสดใสของความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ได้รับการเสริมสร้างบนพื้นฐานแห่งสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและการผสมผสาน”.