ประธานาธิบดีศรีลังกา เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ
(VOVWORLD) - เช้าวันที่ 4 พฤษภาคม นาย อนุรา กุมารา ดิษณายากะ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาได้เดินทางถึงกรุงฮานอยเริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมงานวันวิสาขบูชาโลกในระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคมตามคำเชิญของประธานประเทศ เลืองเกื่อง
 |
บ่ายวันเดียวกัน ณ สำนักงานใหญ่คณะกรรมการกลางพรรค ในกรุง ฮานอย เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีศรีลังกา โดยผู้นำทั้งสองท่านแสดงความยินดีต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของมิตรภาพที่ยาวนานและความร่วมมือที่ครอบคลุมระหว่างเวียดนามและศรีลังกาในตลอด 55 ปีที่ผ่านมา เห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความไว้วางใจและความสามัคคีระหว่างสองประเทศและสองพรรครัฐบาลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนในทุกระดับ นำความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงเป็นเสาหลักใหม่ในความสัมพันธ์ทวิภาคี พร้อมกันนี้ก็ส่งเสริมกาารพัฒนาสร้างก้าวกระโดดในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ยืนยันว่า ด้วยจุดแข็งของตนเวียดนามปรารถนาที่จะร่วมมือกับศรีลังกาในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ส่วนประธานาธิบดีศรีลังกา ยืนยันว่าพร้อมที่จะเอื้ออำนวยต่อสถานประกอบการเวียดนามในการลงทุนในด้านที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในศรีลังกา ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือด้านเกษตรกรรม การศึกษา วัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การท่องเที่ยว และศาสนาต่อไป ส่งเสริมการเปิดเที่ยวบินตรงโดยเร็วเพื่อสนับสนุนความร่วมมือและเชื่อมโยงทั้งสองประเทศ มุ่งมั่นที่จะมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและเพิ่มการสนับสนุนซึ่งกันและกันในฟอรั่มพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบสหประชาชาติและความร่วมมือใต้-ใต้
พิธีต้อนรับประธานาธิบดีศรีลังกา ณ สนามบินโหน่ยบ่าย (VNA) |
การเยือนของประธานาธิบดี อนุรา กุมารา ดิษณายากะ เป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่ผ่านมาของผู้นำศรีลังกา และเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของประธานาธิบดี อนุรา กุมารา ดิษณายากะอนุรา นับตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนปี 2024 การเยือนมีขึ้นประจวกกับโอกาสที่เวียดนามและศรีลังกาเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และเป็นโอกาสเพื่อให้สองฝ่ายหวนมอง ความสัมพันธ์ความร่วมมือภายหลังกว่า 5 ทศวรรษแห่งการสถาปนาและพัฒนามาเพื่อวางแนวทางและมาตรการเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาสัมพันธไมตรีและความร่วมมือในสภาวการณ์ของสถานการณ์ใหม่ให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศเพื่อมีสว่วนร่วมต่อการพัฒนาร่วมกัน สันติภาพ และความร่วมมือในภูมิภาค.