นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง รายงานต่อที่ประชุม

ในการรายงานต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้สรุปสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนอย่างซับซ้อนและรวดเร็ว ซึ่งเกิดปัญหาใหม่ๆ สำหรับจุดใหม่ในร่างรายงานที่สรุปผลบางปัญหาทางทฤษฎีและการปฏิบัติเกี่ยวกับภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศตามแนวทางสังคมนิยมในตลอด 40 ปีที่ผ่านมาในเวียดนาม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กล่าวว่า

“มีการเพิ่มข้อมูลใหม่ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังมีขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ นอกจากนี้ก็เพิ่มเนื้อหาว่า เวียดนามเสริมสร้างระบบสังคมนิยมและเส้นทางมุ่งสู่สังคมนิยมให้สมบูรณ์ต่อไป โดยอาศัย 3 เสาหลักคือ สร้างสรรค์ประชาธิปไตยสังคมนิยมที่ส่งเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ เสริมสร้างนิติรัฐสังคมนิยมโดยประชาชน เพื่อประชาชนและของประชาชน อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนและมีความเข้าใจประชาชน สร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมภายใต้การบริหารของรัฐ การชี้นำของพรรคและส่งเสริมจิตใจแห่งการเป็นเจ้าของของประชาชน โดยถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง”

ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน

ส่วนในรายงานเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แนวทางการเลือกตั้งผู้แทนสภาแห่งชาติสมัยที่ 14 และผู้แทนสภาประชาชนทุกระดับวาระปี 2026-2030 ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ได้ย้ำเป็นพิเศษถึงความจำเป็นในการรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเสนอให้รัฐบาลและแนวร่วมปิตุภูมิทำการรวบรวมความคิดเห็นอย่างเป็นประชาธิปไตย จริงจัง เปิดเผยและโปร่งใส โดยสภาแห่งชาติจะแก้ไขเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในกฎหมายฉบับต่างๆ เช่น กฎหมายการจัดตั้งทางการปกครองท้องถิ่น กฎหมายการเลือกตั้งผู้แทนสภาแห่งชาติและผู้แทนสภาประชาชน เป็นต้น โดยการแก้ไขนี้ต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 30 มิถุนายนปี 2025 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมปี 2025 ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน คาดว่า วันเลือกตั้งผู้แทนสภาแห่งชาติสมัยที่ 14 และผู้แทนสภาประชาชนทุกระดับวาระปี 2026-2030 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคมปี 2026 และสภาแห่งชาติชุดใหม่จะประชุมครั้งแรกในวันที่ 6 เมษายนปี 2026

เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม

ในการกล่าวสรุปการประชุม เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ยืนยันอีกครั้งถึงบทบาทสำคัญของการประชุมว่าประเด็นที่ได้รับการเผยแพร่ในการประชุมครั้งนี้ล้วนเป็นประเด็นที่เร่งด่วนที่ต้องปฏิบัติทันที

“ต้องมีความตั้งใจในระดับสูงสุดในการบริหารและชี้นำการปฏิบัติมติของที่ประชุม โดยถือเป็นการปฏิวัติเกี่ยวกับการควบรวมองค์กรและสำนักงานทางราชการ รวมทั้งการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อพัฒนาประเทศ องค์กรทุกระดับและผู้บริหารทุกระดับต้องบริหารอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคตระหนักในบทบาทสำคัญเป็นพิเศษของแนวทางนี้ สร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในพรรคและเผยแพร่ทั่วสังคมเพื่อมุ่งมั่นปฏิบัติเป้าหมายที่ส่วนกลางได้วางไว้ให้สำเร็จ เพื่อผลประโยชน์ร่วมของประเทศและเพื่อประชาชน”.