การประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 9 สมัยที่ 15 (quochoi.vn)

ที่ประชุมได้รับฟังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน ฝ่ามถิแทงจ่า อ่านรายงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการควบรวมสำนักงานภาครัฐในระดับจังหวัดปี 2025 และรายงานการตรวจสอบประเด็นนี้ นอกจากนี้ ประเด็นนี้จะได้รับการหารือตามหน่วยและคาดว่าจะได้รับการอภิปราย ณ หอประชุมและอนุมัติมตินี้ในเช้าวันที่ 12 มิถุนายน

ตามแผนการของรัฐบาลที่ยื่นเสนอต่อที่ประชุมฯ เวียดนามมี 11 จังหวัดและนครที่ยังไม่มีการควบรวม ส่วนที่เหลือจะมีการควบรวมเป็น 23 จังหวัดและนครใหม่ ภายหลังการควบรวม ทั้งประเทศจะมี 34 จังหวัดและนครแทน 63 จังหวัดและนครในปัจจุบัน 

ในการหารือตามหน่วยเกี่ยวกับแผนการนี้ ผู้แทนสภาแห่งชาติหลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า การควบรวมนี้จะอำนวยความสะดวกให้ท้องถิ่นต่างๆ ปฏิรูปการพัฒนา นาย เจิ่นหว่างเงิน ผู้แทนสภาแห่งชาตินครโฮจิมินห์ได้แสดงความคิดเห็นว่า

“ ท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดต้องเห็นพ้องในการเชื่อมโยงระหว่างกัน เพื่อค้ำประกันให้มีความราบรื่นทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และแหล่งพลัง โดยเฉพาะแหล่งพลังด้านการเงิน ดังนั้น ในการหารือเกี่ยวกับกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน ผมขอเสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับแหล่งที่ดินระยะปี 2026-2030 ที่จังหวัดและนครต่างๆ สงวนให้แก่การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้”

ในเช้าวันเดียวกัน สภาแห่งชาติได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามและร่างกฎหมายฉบับแก้ไขและเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมั่นคงกลาโหมในช่วงบ่าย มีการหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับแก้ไขและเพิ่มเติมบางมาตราของกฎหมายการแก้ไขการละเมิดระเบียบราชการและร่างมติเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีการใช้ที่ดินการเกษตร

ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม

สำหรับร่างมติเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีการใช้ที่ดินการเกษตร ผู้แทนสภาแห่งชาติได้เห็นพ้องที่จะขยายเวลาการยกเว้นภาษีนี้ถึงปลายปี 2030 เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนในด้านการเกษตรมากขึ้น มีส่วนร่วมต่อการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ นาย แถกเฟือกบิ่ง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดจ่าวิงห์ แสดงความคิดเห็นว่า

“ต้องยกเลิกภาษีให้แก่ผู้ทำการเกษตรโดยตรง ลดหรือธำรงอัตราภาษีในปัจจุบันให้แก่องค์กรและบุคคลที่ไม่ทำการผลิตเกษตรหรือทำการผลิตการเกษตรแต่ขาดประสิทธิภาพ การยกเว้นภาษีต้องมีเงื่อนไขด้วย เช่น ต้องไม่ปล่อยพื้นที่การเกษตรให้ว่างเปล่านานกว่า 12 เดือน ต้องใช้ที่ดินตรงตามเป้าหมาย มีสัญญาอย่างชัดเจนถ้าหากให้เช่า เป็นต้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ให้การสนับสนุนโดยไม่จำเป็นและยกระดับประสิทธิภาพในการใช้ที่ดิน”

คาดว่า แต่ละปี เงินยกเว้นภาษีที่ดินการเกษตรอยู่ที่ประมาณ 305-349 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ผลผลิตด้านการเกษตรมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหาร เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและสนับสนุนโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ได้เป็นอย่างดี.