นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุก (Photo: VGP)

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้ย้ำว่า ความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคงเป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ทวิภาคี พร้องทั้งเห็นพ้องที่จะผลักดันกลไกการทาบทามความคิดเห็นและการสนทนา ขยายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกลาโหม การฝึกอบรมและประสานงานในกิจกรรมการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ รวมทั้งการรับมือความท้าทายด้านความมั่นคงทั้งในรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ พยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศขึ้นเป็น 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ให้การสนับสนุนกันในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะ สหประชาชาติ กลไกที่อาเซียนเป็นผู้นำและกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-แม่น้ำคงคา ผู้นำทั้งสองท่านยังยืนยันถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบิน การแก้ไขปัญหาการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล โดยเฉพาะ อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 หรือ UNCLOS  พร้อมทั้งย้ำว่า UNCLOS เป็นกรอบทางนิตินัยเพื่อกำหนดกิจกรรมต่างๆในทะเลและมหาสมุทร อีกทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆปฏิบัติแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออกหรือ DOC และมุ่งสู่การบรรลุร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือ COC อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับกฎหมายสากล โดยเฉพาะ UNCLOS หลังการเจรจา นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้อนุมัติ “แถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมเวียดนาม-อินเดียเกี่ยวกับสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและประชาชน” โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสาร 7 ฉบับและประกาศโครงการร่วมมือในด้านกลาโหม นิวเคลียร์พลเรือน ปิโตรเลี่ยมและพลังงานสะอาด เป็นต้น.