ภาพการประชุม

เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการแก้ปัญหาความยากจนเร็วที่สุดในโลก แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อธำรงอัตราการเติบโตและบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2045 เวียดนามจำเป็นต้องส่งเสริมและขยายการปฏิรูปกลไกนโยบายต่อไป พร้อมทั้งส่งเสริมรูปแบบการพัฒนาสีเขียว นี่คือข้อสรุปในรายงาน 2 ฉบับเกี่ยวกับการสร้างก้าวกระโดดด้านกลไกนโยบายและการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสู่อนาคตที่ยั่งยืนซึ่งจัดทำโดยธนาคารโลก ซึ่งเผยแพร่เมื่อเช้าวันที่ 22 พฤษภาคม ณ กรุงฮานอย

ในการกล่าวปราศรัยในพิธีประกาศรายงาน 2 ฉบับของธนาคารโลก นาย เหงียนญือกวิ่ง หัวหน้าสถาบันยุทธศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจ การเงินของกระทรวงการคลังเผยว่า

“พรรคและรัฐให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการปฏิรูปกลไกนโยบาย ระเบียบราชการให้กระทัดรัด การกำหนดอำนาจและสิทธิ ควบคู่กับการจัดสรรแหล่งพลัง การปรับโครงสร้างองค์กรและหน่วยงานราชการให้กระทัดรัด สำหรับการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เวียดนามมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2050 แต่เส้นทางสู่เป้าหมายนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น รายงานการวิจัยเชิงลึกนี้จึงมีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงแต่วิเคราะห์ความท้าทายเท่านั้น หากยังให้คำแนะนำนโยบายเชิงปฏิบัติอีกด้วยเพื่อให้เวียดนามสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการบริหารราชการบนเส้นทางมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน” 

นาง มาริอัม เชอร์แมน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำเวียดนาม กัมพูชา และลาว

ส่วน นาง มาริอัม เชอร์แมน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำเวียดนาม กัมพูชา และลาวเผยว่า เวียดนามมีความได้เปรียบเกี่ยวกับพื้นฐานการพัฒนาที่มั่นคงมาเป็นเวลาหลายปี เวียดนามมีการเติบโตและการแก้ปัญหาความยากจนที่น่าประทับใจ เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ประชาชนหลายล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน อัตราความยากจนลดลงจากครึ่งหนึ่งของประชากรเหลือเพียงร้อยละ 1 นี่ถือเป็นอัตราการลดความยากจนที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

ในการประชุม บรรดาผู้แทนได้หารือเกี่ยวกับเนื้อหาที่กล่าวถึงในรายงานทั้ง 2 ฉบับคือ รายงาน “เวียดนาม 2045 – ก้าวกระโดดด้านกลไก นโยบายเพื่ออนาคตที่มีรายได้สูง” และรายงาน “เวียดนาม 2045 – การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน”.