( VOVworld )- ฮานอยกำลังโตวันโตคืนเพื่อกลายเป็นเมืองหลวงที่ทันสมัยซึ่งเห็นได้ชัดคือ สะพานข้ามแม่น้ำโห่งหรือแม่น้ำแดงได้รับการก่อสร้างขึ้นหลายแห่งนับตั้งแต่ที่ประเทศได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์นอกเหนือจากสะพานลองเบียนที่มีมาแต่อดีต สะพานทังลอง สะพานเจืองเซือง แทงจี่ หวิงตุย หวิงถิ่งและสะพานเหญิต เติน ตลอดจน สะพานดง จู่ที่ข้ามแม่น้ำด๊วงก็ได้รับการก่อสร้างเสร็จและเปิดตัวในโอกาสครบรอบ ๖๐ การปลดปล่อยนครหลวงฮานอย ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๐ ตุลาคม สะพานที่ทันสมัยเหล่านี้ที่สะท้อนเงาบนผิวแม่น้ำแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ สติปัญญาและพลังภายในของฮานอยบนเส้นทางปฏิบัติภารกิจพัฒนาเป็นเมืองหลวงที่ทัยสมัย

สะพานเหล็กลองเบียนเปรียบเสมือนมังกรที่กำลังทอดตัวข้ามแม่น้ำโห่งหรือแม่น้ำแดงมากว่า ๑๐๐ ปี  สะพานลองเบียนเป็นสัญลักษณ์ของฮานอย เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และอนุสรณ์ระยะหนึ่งของฮานอย    แต่ในการพัฒนาฮานอยให้ทันสมัยจำเป็นต้องสร้างสะพานเพิ่มอีกหลายๆแห่งเช่นสะพานทังลองที่ก่อสร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ.๑๙๘๕ โดยการช่วยเหลือจากโซเวียดอันเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรีระหว่างเวียดนามกับโซเวียด  สะพานเจือง เซืองถูกก่อสร้างด้วยเหล็กและห่างจากสะพานลองเบียนไปทางแม่น้ำโห่งตอนล่างราว ๒ กิโลเมตร  สะพานนี้ออกแบบและก่อสร้างโดยฝีมือของคนเวียดนาม ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการจราจรให้แก่สะพานลองเบียนได้ระดับหนึ่ง  นายห่า ดิ่นห์ เกิ๋น อดีตผู้อำนวยการบริษัทก่อสร้างสะพานหลายเลข ๑๒ ที่ทำการก่อสร้างสะพานเจือง เซืองเล่าว่า “ พวกเราก่อสร้างสะพานเจือง เซืองด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่และความรับผิดชอบสูงต่อประเทศ  กองกำลังที่เชี่ยวชาญที่สุดของประเทศถูกส่งมาที่นี่  พวกเราทำงานโดยไม่มีวันหยุดและไม่ว่าเวลาใดแม้อากาศจะหนาวหรือร้อนเช่น พวกเราได้ตอกเสาเข็มทั้งวันทั้งคืนกลางแม่น้ำ ทุกอย่างเน้นก่อสร้างสะพานที่มีคุณภาพสูงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว  สะพานเจือง เซืองและทังลองช่วยแก้ปัญหาการสัญจรระหว่างฮานอยกับจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือและภาคใต้ให้สะดวกขึ้น ”

สะพานสามแห่งข้ามแม่น้ำโห่งยังไม่พอสำหรับเมืองหลวงที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจหลักภาคเหนือที่มีจังหวัดไฮฟอง กว่างนินห์และหวิงฟุกเป็นแกนหลักเพื่อพัฒาอุตสาหกรรมและสินค้านำเข้าและส่งออกจะผ่านทางหลวงหมายเลข ๕ อย่างคึกคักดังนั้น ต้องการสะพานอีกหลายแห่งและสะพานแทงจี่ที่มี ๖ เลนจราจร ใช้งบประมาณก่อสร้าง ๕ ล้าน ๗ แสนล้านด่งก็ได้รับการก่อสร้างเสร็จต้นปี ๒๐๐๗  สะพานแทงจี่ข้ามแม่น้ำโห่งที่เชื่อมระหว่างประตูทางทิศตะวันออกของฮานอยกับทางหลวงหมายเลข ๑ เอ  ต่อมาปี ๒๐๑๐ สะพานหวิง ตุยได้เปิดตัว ซึ่งได้รับการก่อสร้างด้วยเงินทุนของนครและเป็นสะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำโห่งอีกหนึ่งแห่ง  สะพานหวิงตุยเชื่อมฮานอยกับทางหลวงหมายเลข ๕ สู่เมืองท่าไฮฟองและจังหวัดกว่าง นินห์แล้วออกสู่ทะเลกว้าง เมื่อยืนอยู่บนสะพานหวิง ตุยรับลมเย็นจากแม่น้ำโห่ง เราสามารถมองเห็นภาพฮานอยที่กำลังพัฒนา ตึกรามบ้านช่องที่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ดที่สร้างโฉมใหม่ให้แก่ฮานอย เมืองหลวงที่กำลังพัฒนาอย่างทันสมัย  นายเหงวียน ซวน ทาว ชาวบ้านเขตลองเบียน กลั้นความปิติยินดีไม่อยู่ คุยกับพวกเราว่า  “ หลายปีที่ผ่านมา ฮานอยก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็วเช่น ทางไฮเวย์ ถนนวงแหวน สะพานเหญิต เตินที่ทันสมัยและสวยด้วย พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจและมั่นใจว่า เมื่อสะพานเหล่านี้ได้รับการก่อสร้างเสร็จจะทำให้โฉมของนครหลวงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสวยงาม ”

สะพานเหญิต เติน เชื่อมถนนวงแหวนสาย ๒ ยาว ๙ กิโลเมตร ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของเวียดนาม ใช้เงินก่อสร้าง ๑๓ ล้าน ๖ แสนล้านด่งที่เชื่อมใจกลางกรุงฮานอยกับสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายก็ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและกำลังรอฤกษ์เปิดตัว  ส่วนสะพานดงจู่ซึ่งเป็นสะพานแห่งที่ ๗ ของกรุงฮานอยได้เปิดตัวตรงกำหนดในโอกาสครบรอบ ๖๐ ปีการปลดปล่อยนครหลวง  สะพานดงจู่กับสะพานเหญิต เตินจะเป็นทางคมนาคมสายหลักที่จะมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาเขตตัวเมืองและนิคมอุสาหกรรมทางฝั่งเหนือของแม่น้ำโห่ง อันเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรทางทิศเหนือของนครหลวงฮานอย   นายหวู วัน เหวี่ยน ผู้อำนวยการสำนักงานคมนาคมขนส่งฮานอยเปิดเผยว่า  “ กิจการคมนาคมได้ส่งผลดีต่อผลสำเร็จทางเศรษฐกิจและสังคมของนครหลวง สะพานใหญ่ๆสามารถเชื่อมทางหลวงสายต่างๆและเชื่อมระหว่างกรุงฮานอยกับจังหวัดต่างๆ ซึ่งได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งกรุงฮานอยและจังหวัดทางทิศเหนือ ”

กรุงฮานอยภายหลังได้รับการปลดปล่อยจากการปกครองของฝรั่งเศสมา ๖๐ ปีได้พัฒนาเป็นเมืองหลวงที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรมของประเทศ  ทั้งนี้และทั้งนั้นก็มีส่วนร่วมของสะพานต่างๆเพื่อพัฒนาฮานอยอย่างยั่งยืนบนเส้นทางผสมผสานเข้ากับโลกและการพัฒนา ./.