บรรดานักวิเคราะห์ระหว่างประเทศเห็นว่า การที่สื่อมวลชนและประชามติให้ความสนใจต่อการเยือนซาอุดิอาระเบียครั้งแรกของประธานประเทศสีจิ้นผิงในรอบเกือบ 7 ปีเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ไม่ยากเมื่อคำนึงถึงสภาวการณ์ สถานะของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ผลกระทบต่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ยืนยันและผลักดันความร่วมมือระหว่างจีนกับโลกอาหรับ

ก่อนการเยือนนี้ไม่กี่วัน กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศรายงานเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างจีนกับอาหรับในยุคใหม่ โดยเสนอศักยภาพและแนวทางการสร้างสรรค์ประชาคมร่วมระหว่างจีนกับประเทศอาหรับต่างๆในอนาคต รายงานดังกล่าวได้ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศอาหรับได้รับการเสริมสร้างในเวลาที่ผ่านมาและประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายได้กลายเป็นตัวอย่างให้แก่ความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งจีนได้ถือประเทศอาหรับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในการยืนหยัดการพัฒนาที่สันติภาพ ความร่วมมือที่เปิดกว้างกับประเทศที่กำลังพัฒนาประเทศและสร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ สำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างจีนกับชาติอาหรับ จีนถือเป็นโอกาสเพื่อผลักดันความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านาน ส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้านกับประเทศอาหรับต่างๆ

ก่อนหน้านั้น นอกรอบการประชุมครั้งที่ 27 รัฐภาคีกรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ COP 27 ณ ประเทศอียิปต์ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นาย Adel Al-Jubeir รัฐมนตรีประจำกระทรวงที่ดูแลปัญหาระหว่างประเทศของซาอุดิอาระเบียได้เผยว่า การผลักดันความสัมพันธ์ด้านการค้าและความมั่นคงระดับภูมิภาคเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในกรอบการเยือนซาอุดิอาระเบียครั้งนี้ของประธานประเทศ สีจิ้ผิง  นอกจากปัญหาการรักษาความมีเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคและโลก ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจต่อการผลักดันการค้า การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งยืนยันว่า “จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของซาอุดิอาระเบีย พวกเราได้ลงทุนโครงการใหญ่ในประเทศจีนและจีนมีโครงการลงทุนใหญ่ในซาอุดิอาระเบีย”

เมื่อเร็วๆนี้ แหล่งข่าวระหว่างประเทศได้อ้างคำกล่าวของนักการทูต 3 คนของซาอุดิอาระเบียว่า ในกรอบการเยือนซาอุดิอาระเบียครั้งนี้ของประธานประเทศจีน สีจินผิง  จีนจะลงนามข้อตกลงและเอกสารนับสิบฉบับกับประเทศต่างๆในเขตอ่าวและประเทศอาหรับในด้านพลังงาน ความมั่นคงและการลงทุน

ศักยภาพและผลกระทบ

ตามข้อมูลระหว่างประเทศที่ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียได้แซงหน้ารัสเซียเพื่อกลายเป็นผู้จัดสรรน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของจีน ก่อนหน้านั้น จีนและซาอุดิอาระเบียได้ฟื้นฟูการเจรจาเกี่ยวกับการใช้เงินหยวนในข้อตกลงด้านน้ำมัน  สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่คือประเด็นที่จีนและซาอุดิอาระเบียได้หารือในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ถ้าหากประสบความสำเร็จ นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์ต่อสถานะของเงินหยวนในการชำระเงินระหว่างประเทศ เพราะปัจจุบันการชำระส่วนใหญ่ทำผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐ  สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังอ้างข้อมูลที่ว่า  เงินหยวนถูกใช้ในการซื้อขายในประเทศต่างๆ ซึ่งอัตราการใช้เงินหยวนในรัสเซียในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้น 80 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ บรรดานักวิเคราะห์ระหว่างประเทศมีจุดยืนร่วมกันว่า การเยือนซาอุดิอาระเบียและการเข้าร่วมการประชุมระหว่างจีนกับชาติอาหรับของประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างสถานะของจีนบนเวทีโลกในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการค้า ส่วนซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคตะวันออกกลางจะได้รับการสนับสนุนทางการเมืองมากขึ้นและมีข้อตกลงความร่วมมือที่สำคัญกับเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับสองของโลก ซึ่งช่วยให้ประเทศอาหรับมีพลังเพิ่มเติมและความไว้วางใจในการปฏิบัตินโยบายการพัฒนา โดยเฉพาะนโยบายด้านน้ำมัน ซึ่งเป็นจุดแข็งของซาอุดิอาระเบียและกำลังส่งผลกระทบอย่างกว้างลึกต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีประโยชน์ต่อการค้าเสรี แนวโน้มความร่วมมือระหว่างประเทศ มีส่วนร่วมเสริมสร้างลัทธิพหุภาคีที่ประเทศต่างๆในโลกกำลังยืนหยัดปฏิบัติ.