ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านคลี่คลายลง

(VOVWORLD) -ผ่านมาแล้วกว่า 48 ชั่วโมงหลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีใส่ฐานทัพสองแห่งของสหรัฐในอิรักในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 มกราคม ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของทั้งสองฝ่าย และทั้งสองฝ่ายยังมีการแถลงในลักษณะผ่อนคลายความตึงเครียด ซึ่งท่าทีเหล่านี้ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่าน
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านคลี่คลายลง - ảnh 1 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยเมื่อวันที่ 8 มกราคม (Photo AP)

ทั้งสหรัฐและอิหร่านต่างไม่ต้องการให้สงครามเกิดขึ้น นี่คือข้อสังเกตุที่บรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารนานาชาติได้พูดถึงในหลายวันที่ผ่านมา แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอยู่ในจุดสูงสุดหลังจากที่กองทัพอากาศสหรัฐสังหารนายพล Qasem Soleimani ของกองกำลังป้องกันการปฏิวัติอิหร่านหรือไออาร์จีซีในเช้าตรู่วันที่ 3 มกราคม ส่วนกองทัพอิหร่านก็ได้ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐสองแห่งในอิรักเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นทั้งสหรัฐและอิหร่านต่างก็มีท่าทีที่รอมชอมเพื่อลดความตึงเครียดที่กำลังร้อนแรงในภูมิภาคนี้

อิหร่านยืนยัน “ได้ทำการตอบโต้แล้ว” และไม่อยากเพิ่มความตึงเครียด

หลังการโจมตีเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อิหร่านได้ยืนยันอย่างทันท่วงทีว่า “ได้เสร็จสิ้นเป้าหมายการตอบโต้สหรัฐแล้ว” ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีปฏิบัติการทางทหารอีกแต่ก็ยังคงเตือนว่า ถ้าหากสหรัฐมีปฏิบัติการเผชิญหน้า ก็จะตอบโต้ทันที นาย Javad Zarif รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้โพสต์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ว่า อิหร่านได้เสร็จสิ้นการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติและจะไม่สร้างความตึงเครียดหรือสงครามแต่ก็จะปกป้องตนเองถ้าหากถูกรุกราน”

ในขณะเดียวกัน นาย Ayatollah Ali Khamenei ผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของอิหร่านได้อธิบายการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการฉีกหน้าทางการประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และเรียกร้องให้กองกำลังสหรัฐถอนตัวจากตะวันออกกลาง แต่ก็ไม่ได้มีคำขู่ว่า จะมีปฏิบัติการทางทหารต่อไป มีเพียงยกย่องนายพล Qasem Soleimani ว่าเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญและมีความสามารถในการทำงานทั้งในด้านการเมืองและการทหาร ส่วนนักวิเคราะห์ได้แสดงความคิดเห็นว่า การที่นาย Ayatollah Ali Khamenei มีคำชื่นชมดังกล่าวก็เพื่อใช้เป็นเหตุผลที่จะไม่ทำการตอบโต้สหรัฐ

นอกจากนั้น อิหร่านได้ติดต่อกับสหรัฐผ่านช่องทางอย่างน้อย 3 ช่องทาง เช่น ผ่านสวิสเซอร์แลนด์และประเทศต่างๆเพื่อย้ำว่า อิหร่านได้ตอบโต้เสร็จแล้วและกำลังรอท่าทีของสหรัฐ

สหรัฐแสดงปฏิกิริยาอย่างระมัดระวัง

วันที่ 8 มกราคม ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของอิหร่านใส่ฐานทัพสหรัฐสองแห่งในอิรัก โดยยืนยันว่า ไม่มีทหารสหรัฐเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว นี่ถือเป็นการรอมชอมที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่า สหรัฐจะไม่ตอบโต้ทางทหารต่ออิหร่าน ซึ่งอาจทำให้เกิดการปะทะอย่างรุนแรงในตะวันออกกลาง

ส่วนบรรดานักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่า ประเด็นที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความสนใจมากที่สุดคือไม่มีผู้เสียชีวิตในการโจมตีดังกล่าวของอิหร่าน บวกกับคำแถลงของทางฝ่ายอิหร่านว่า “ได้ตอบโต้เสร็จแล้ว” ทำให้นาย โดนัลด์ ทรัมป์ สรุปว่า อิหร่านก็มีท่าทีรอมชอมเช่นกันจึงประกาศมาตรการตอบโต้ที่มุ่งไปในด้านเศรษฐกิจแทนการตอบโต้ทางทหาร

ต่อจากนั้น เมื่อวันที่ 9 มกราคม สภาล่างสหรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครตได้อนุมัติมติเกี่ยวกับการจำกัดอำนาจทางทหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยเสียงสนับสนุน 224 เสียง เสียงคัดค้าน 194 เสียง โดยเรียกร้องให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยุติปฏิบัติการที่เป็นศัตรูกับอิหร่าน ยกเว้นว่าจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือสหรัฐต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยอาวุธ ซึ่งมติฉบับนี้ถูกมองว่าเป็น “มติแห่งความเห็นพ้อง” ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการลงนามจากประธานาธิบดี

ความกังวลและความสังสัย

ท่าทีล่าสุดของทั้งสหรัฐและอิหร่าน บวกกับสถานการณ์ในพื้นที่ หลายคนเชื่อว่า การเผชิญหน้าทางทหารที่อันตรายระหว่างสองฝ่ายได้ยุติแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนสงสัยและกังวลว่า สถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางอาจปะทุขึ้นได้อีก

ความกังวลดังกล่าวมาจากคำประกาศของนายพล Mark Milley ประธานสภาเสนาธิการใหญ่พันธมิตรสหรัฐหรือเจซีเอสว่า ขีปนาวุธที่อิหร่านใช้ในการโจมตีเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมามุ่งเป้า “สังหารทหารสหรัฐ” ซึ่งตนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐได้ประเมินว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านจะทำการโจมตีใส่กองกำลังสหรัฐในอิรักและซีเรียต่อไป คำประกาศดังกล่าวของนายพล Mark Milley ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอนได้สื่อเป็นนัยว่า สหรัฐอาจยังไม่ปล่อยอิหร่านหลังการโจมตีดังกล่าวโดยไม่สนใจถึงการแถลงที่มีลักษณะไกล่เกลี่ยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด