แผนการสันติภาพ 20 ข้อเกี่ยวกับยูเครน มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุหรือไม่

(VOVWORLD) -เมื่อวันที่  24 ธันวาคม นาย โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ประกาศร่างแผนการสันติภาพล่าสุดที่ยูเครนและสหรัฐได้เจรจาในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กรุงเบอร์ลิน  ประเทศเยอรมนี  และเมืองไมอามี ประเทศสหรัฐ ซึ่งถือเป็นก้าวเดินใหม่ในความพยายามยุติการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาเกือบ 4 ปี แม้จะมีความระแวงสงสัยเกี่ยวกับการยอมรับจากรัสเซีย

แผนการสันติภาพ 20 ข้อเกี่ยวกับยูเครน มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุหรือไม่ - ảnh 1นาย โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน (Photo:REUTERS)

การประนีประนอมใหม่

ตามเนื้อหาเบื้องต้นของร่างแผนการสันติภาพ 20 ข้อที่ยูเครนประกาศ  ยูเครนจะจำกัดขนาดกองทัพไม่ให้เกิน 800,000 นาย  ส่วนสหรัฐ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้และยุโรปจะค้ำประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนตามมาตรา 5 ของนาโต้และจะมีกำหนดการให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปหรืออียู นอกจากนี้ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยังกล่าวถึงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของยูเครน เช่น การจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศด้วยเป้าหมายการระดมเงินจำนวน 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐและผลักดันการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐ ซึ่งร่างแผนการดังกล่าวยังระบุถึงการแลกเปลี่ยนเชลยศึกทั้งหมด การจัดตั้งคณะกรรมการด้านมนุษยธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่      

สิ่งที่น่าสนใจในร่างแผนการดังกล่าวคือการที่ยูเครนกล่าวถึงมาตรการถอนทหารออกจากพื้นที่ที่ยูเครนควบคุมในจังหวัดโดเนตสก์และจัดตั้งเขตเศรษฐกิจเสรี แต่อย่างไรก็ดี ยูเครนเสนอเงื่อนไขคือรัสเซียต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ที่ยูเครนถอนทหาร บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า แม้โอกาสทางเศรษฐกิจของเขตที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะยังไม่ชัดเจนแต่ข้อเสนอของยูเครนอาจดึงดูดความสนใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และสถานประกอบการสหรัฐที่ให้ความสนใจต่อทรัพยากรแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ของยูเครน นอกจากนี้ อาจจะมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจจำเพาะอีกหนึ่งแห่งในบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเขตซาปอริฌเฌีย ภาคใต้ของยูเครน ซึ่งกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียและโรงงานหยุดดำเนินงานนับตั้งแต่ปี 2022 แต่ยังคงมีศักยภาพเศรษฐกิจสูงเนื่องจากนี่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีกำลังการผลิต 6 กิกะวัตต์

 ปัจจุบัน ร่างแผนการสันติภาพ 20 ข้อถูกส่งถึงรัสเซียเพื่อพิจารณา นาย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐที่เข้าร่วมการเจรจากับยูเครนเผยว่า  แม้จะมีหลายประเด็นที่ต้องได้รับการหารือแต่แผนการใหม่นี้เป็นก้าวเดินในเชิงบวกกว่าการที่ทั้งสองฝ่ายยืนหยัดแนวทางเชิงการปะทะ

 ร่างแผนการดังกล่าวระบุว่า หลังจากที่ข้อตกลงสันติภาพได้รับการลงนาม ยูเครนต้องจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งข้อตกลงนี้จะมีลักษณะบังคับทางกฎหมายและสภาสันติภาพภายใต้อำนวยการของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์จะทำหน้าที่การตรวจสอบ ข้อกำหนดสุดท้ายย้ำว่า คำสั่งหยุดยิงในทุกด้านอาจมีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากที่ทุกฝ่ายยอมรับข้อตกลงนี้

รอคำตอบจากรัสเซีย

สิ่งที่ได้รับความสนใจในปัจจุบันคือท่าทีของรัสเซียต่อร่างแผนการดังกล่าว โดยบรรดานักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญรัสเซียได้แสดงความระแวงสงสัยต่อร่างแผนการนี้  นาย Dmitry Novikov  รองประธานคนที่หนึ่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของดูมาแห่งชาติรัสเซียเผยว่า แผนการใหม่นี้ยังไม่สามารถตอบสนองต่อการลดความวิตกกังวลของรัสเซียและมีหลายประเด็นที่แตกต่างกับจุดยืนของรัสเซียและยังไม่แสดงให้เห็นถึงการมุ่งสู่มาตรการไกล่เกลี่ยที่รัสเซียอาจพิจารณา   ส่วนนาย Andrey Kortunov นักรัฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญของสโมสร Valdai ได้ประเมินว่า  มีความเป็นไปได้น้อยที่รัสเซียจะยอมรับแผนการนี้  นาย Aleksandr Grishin ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า  20 ข้อของแผนการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูติน ได้บรรลุในการพบปะสุดยอดเมื่อเดือนสิงหาคม ณ ประเทศสหรัฐ แม้ฝ่ายรัสเซียถือการตระหนักร่วม ณ รัฐอลาสก้าเป็นพื้นฐานเพื่อทำการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงยุติการปะทะ ในการประกาศเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม รัสเซียไม่ได้เปิดเผยว่า สนับสนุนแผนการใหม่หรือไม่  นาย  ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินได้เผยว่า 

“นาย Kirill Dmitriev  ทูตพิเศษได้รายงานผลการหารือที่เมืองไมอามีต่อประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน บนพื้นฐานของข้อมูลดังกล่าว พวกเราจะชี้ชัดถึงจุดยืนของตนและฟื้นฟูการติดต่อกับสหรัฐในเวลาที่จะถึงผ่านช่องทางต่างๆ”

บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า ในจำนวนประเด็นที่รัสเซียยากที่จะยอมรับ มีสองปัญหาที่สหรัฐและยูเครนยังไม่สามารถเห็นพ้องกันได้แก่อนาคตของเขตดอนบาส แผนการบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริฌเฌีย ในอนาคต โดยฝ่ายรัสเซียถือการควบคุมเขตดอนบาสเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประนีประนอมและยากที่จะยอมรับแผนการของยูเครนว่า บริษัทร่วมทุนระหว่างสหรัฐกับยูเครนจะบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด