เจิ่นเหิววิง – ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจากเลี้ยงนกสวยงาม

(VOVWORLD) - นาย เจิ่นหิววิง อาศัยในตำบลตามเหียบ อำเภอโจว์แถ่ง จังหวัดเตี่ยนยาง เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ โดยสามารถสร้างรายได้กว่า 120,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีจากการเลี้ยงและเพาะพันธุ์นกชนิดนี้
 
 
เจิ่นเหิววิง – ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจากเลี้ยงนกสวยงาม - ảnh 1เจิ่นเหิววิง – ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจากเลี้ยงนกสวยงาม

นาย เจิ่นเหิววิง อายุ 30 ปี สำเร็จการศึกษาสาขาการก่อสร้างและมีงานทำที่มั่นคงเมื่อทำงานเป็นวิศวกรก่อสร้างในนครโฮจิมินห์ แต่หลังจากได้มีการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์การเลี้ยงนกสวยงาม พร้อมเห็นว่า อาชีพการเลี้ยงนกไม่เพียงแค่ตอบสนองความหลงใหลของตนเอง แต่ยังสามารถสร้างรายได้ที่สูงกว่า ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับถิ่นเกิดเพื่อเริ่มต้นการประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเปิดฟาร์มเลี้ยงนกสวยงามตั้งแต่ปี 2019 จากการสำรวจตลาดการเลี้ยงนกสวยงามพบว่าคนนิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ ซึ่งหายากในธรรมชาติ นางหวิงเลยตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 600 ล้านดอง เพื่อซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นกกรงหัวจุกกลายพันธุ์จำนวน 20 คู่ ซึ่งส่วนใหญ่มีขนสีขาวหรือเหลืองอ่อนมาเลี้ยงที่บ้าน นาย เจิ่นเหิววิง เผยว่า

“ผมชื่นชอบสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก และช่วงหลังๆ เมื่อได้สัมผัสนกกรงหัวจุกก็ถูกใจ อีกทั้งมองเห็นถึงรายได้ที่ดีจากการเลี้ยง เพราะฉะนั้น ผมจึงตัดสินใจเริ่มการประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพจากนกกรงหัวจุก โดยปัจจัยของการเลี้ยงนกกรงหัวจุกให้ประสบความสำเร็จ อย่างแรกคือ ต้องเลือกพ่อพันธ์แม่พันธ์ที่มีคุณภาพดี บวกกับคำแนะนำของกลุ่มผู้เลี้ยงที่ได้ทำอาชีพนี้มาก่อน แล้วค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการลงมือทำด้วยตนเอง เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเพาะเลี้ยง”

ด้วยความหลงใหลและพร้อมที่จะเรียนรู้ศึกษาประสบการณ์จากกลุ่มผู้เลี้ยงที่มีประสบการณ์ รวมถึงประสบการณ์ของตนเอง ได้ช่วยให้ฝูงนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ของเขามีการเติบโตที่ดี โดยจนถึงปัจจุบัน มีการขยายพันธุ์นกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ทุกชนิดจำนวนกว่า 600 ตัว ซึ่งในนั้นมีนกพ่อพันธ์แม่พันธ์ 120 คู่ ได้แก่ นกกรงหัวจุกแฟนซีเผือกขาวสำลีตาแดง นกกรงหัวจุกสีเทาอ่อน นกปรอดเหลืองหัวจุก นกกรงหัวจุกเทาเหลือบขาว  ราคาอยู่ที่ประมาณ 5-7 ล้านดองหรือราว 200-300 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัว โดยบางตัวอาจสูงถึงหลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่นายวิง ได้สร้างกรงเลี้ยงนกขนาดเล็กจำนวนมากในพื้นที่ 2 พันตารางเมตรของครอบครัว

เจิ่นเหิววิง – ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจากเลี้ยงนกสวยงาม - ảnh 2ฟาร์มเลี้ยงนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ของนายเจิ่นเหิววิง ถือเป็นรูปแบบการประกอบธุรกิจที่แปลกใหม่และมีขนาดใหญ่ในพื้นที่เขตลุ่มแม่น้ำโขง

นอกจากการประกอบกิจการเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ที่บ้านแล้ว นาย เจิ่นหิววิง ยังได้ “ฝึกสอน” คู่นกกรงหัวจุกที่ฉลาด เพื่อส่งเข้าประกวดทั้งภายในและภายนอกพื้นที่จังหวัด ซึ่ง ณ ตอนนี้ เขาเองได้คว้ารางวัลอันดับที่หนึ่งและที่สองในการแข่งขันประกวดนกกรงหัวจุกมาหลายสิบรายการ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เขาสร้างชื่อเสียง เพิ่มมูลค่า และยกระดับคุณภาพธุรกิจเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกของตัวเอง  โดยเขาสามารถขายนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ให้แก่ชาวบ้านและผู้เลี้ยงทั่วประเทศเพื่อการเพาะเลี้ยงและแข่งขันได้มากถึง 250-300 ตัว สร้างรายได้หลายพันล้านดอง ต่อปี

นาย เจิ่นเหิววิง เผยว่า รูปแบบการเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกเชิงพาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก แต่ผู้เลี้ยงต้องมีความใส่ใจ รอบคอบ พร้อมความเชี่ยวชาญทางเทคนิคการผสมพันธุ์ และต้องมีความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติ นิสัย และความชอบของนกประเภทนี้ โดยอาหารสำหรับนกกรงหัวจุกจะใช้ทั้งอาหารนกอุตสาหกรรมและผลไม้หลากหลายชนิด เช่น กล้วย หรือ มะม่วง รวมถึงแมลงและหนอน ส่วนสำหรับนกที่อยู่ในช่วงวางไข่ ต้องสร้างกรงเลี้ยงจากอิฐ และแบ่งเป็นห้องขนาด 3 ตารางเมตร สูง 4 เมตร มีรัง ไม้สีเขียว พร้อมกล้องวงจรปิดเพื่อเฝ้าติดตามกระบวนการวางไข่ของนก โดยนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์จะเริ่มตั้งท้องและวางไข่ภายหลังการเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 7 เดือน วางไข่ 5-10 รอบต่อปี รอบละ 2-3 ตัว หรือบางครั้งได้ถึง 4 ตัว นายวิง เผยว่า

“ปัจจุบัน นอกเหนือจากการเพาะเลี้ยงนกในฟาร์มของครอบครัวแล้ว ผมเองยังได้จำหน่ายนกกรงหัวจุกพ่อพันธ์แม่พันธ์ให้แก่ครอบครัวที่มีความสนใจพัฒนาการเพาะเลี้ยงในพื้นที่จังหวัดที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยให้ความช่วยเหลือในการเลือกพ่อพันธ์แม่พันธ์ การเพาะเลี้ยง จนไปถึงการจำหน่าย ส่วนในเวลาข้างหน้า ผมจะเปิดตัวชมรมนกสวยงามเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับกลุ่มคนรักการเลี้ยงนกในการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์”

ทั้งนี้ ฟาร์มเลี้ยงนกกรงหัวจุกกลายพันธุ์ของนายเจิ่นเหิววิง ถือเป็นรูปแบบการประกอบธุรกิจที่แปลกใหม่และมีขนาดใหญ่ในพื้นที่เขตลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการขายนกพ่อพันธ์แม่พันธ์และลูกนกมากกว่า 3 พันล้านดองต่อปี โดยความสำเร็จของโมเดลดังกล่าวได้มีส่วนร่วมต่อการพัฒนารูปแบบภาคการผลิตทางการเกษตรในจังหวัดเตี่ยนญางให้มีความหลากหลาย อีกทั้งตอบสนองความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ทั้งในทางวัตถุและจิตใจของผู้คนในพื้นที่./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด