ปี 2024 เป็นปีที่ 9 ติดต่อกันที่เวียดนามได้เปรียบดุลการค้า ซึ่งอยู่ที่เกือบ 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีการขยายตัวไม่มากนักและมีความเสี่ยงเกี่ยวกับเงินเฟ้อ การขยายตัวในการนำเข้าและส่งออกได้สนับสนุนให้แก่การพัฒนาของเศรษฐกิจเวียดนามเป็นอย่างมาก

ที่น่าสนใจคือ การส่งออกได้สร้างสถิติใหม่ คือ 4 แสน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยมีการเติบโตอย่างมหาศาลในด้านและตลาดต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงจากการส่งออกวัตถุดิบไปเป็นการส่งออกสินค้าแปรรูป ซึ่งถือเป็นการยืนยันเกี่ยวกับการเข้าร่วมอย่างลงลึกมากขึ้นของเวียดนามในห่วงโซ่การผลิตและอุปทานของโลก

ตลาดเอเชียและแอฟริกามีบทบาทสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ โดยครองส่วนแบ่งถึงร้อยละ 66.3 ในยอดมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของเวียดนาม ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดยุโรปและทวีปอเมริกาก็เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและนับเป็นครั้งแรกที่ดุลการค้าเกินดุล 1 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นาย เด๋าแองต๊วน รองเลขาธิการสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือ VCCI ได้ยืนยันว่า

“ปี 2024 ยอดมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของเวียดนามสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขอบเขตและอิทธิพลของเศรษฐกิจเวียดนามในระบบเศรษฐกิจโลก เวียดนามติดกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลอย่างกว้างลึกต่อตลาดโลก”

ในปี 2024 การเกษตรถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยคิดเป็นร้อยละ 75 ในยอดเกินดุลการส่งออกเกือบ 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็สร้างก้าวกระโดดด้วยมูลค่าการส่งออกอยู่ในเลขสองหลัก ช่วยให้เวียดนามติดอันดับที่ 2 ในการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปของโลก รองจากจีน

นาย เหงวียนห่งเยียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม

บนพื้นฐานการขยายตัวของการนำเข้าและส่งออกในปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า การตั้งเป้าหมายยอดมูลค่าการนำเข้าและส่งออกในปีนี้ของเวียดนามอยู่ที่ราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 นั้นถือเป็นเรื่องที่สามารถบรรลุได้ นาย เหงวียนเถื่องหลาง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า

“เพื่อบรรลุมูลค่าการนำเข้าและส่งออกอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เราไม่เคยคิดในช่วงก่อน แม้กระทั่งในการจัดทำยุทธศาสตร์การนำเข้าและส่งออกสินค้าเวียดนามถึงปี 2030 ดังนั้น เราต้องปรับปรุงเป้าหมายยุทธศาสตร์ตามแนวทางที่สูงกว่าในอดีต พร้อมทั้งสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าในสภาวการณ์ใหม่ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานแห่งสีเขียว ยิ่งไปกว่านั้นก็ต้องปฏิบัตินโยบายสนับสนุนที่เกี่ยวข้องถึงการเงินแห่งสีเขียว แรงงานแห่งสีเขียวและเทคโนโลยีแห่งสีเขียว เป็นต้น ให้มีความพร้อมเพรียงเพื่อบรรลุหรือผ่านเป้าหมายที่วางไว้”

ถึงแม้การนำเข้าและส่งออกของเวียดนามในปี 2024 ได้ประสบผลที่น่าประทับใจ แต่กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามยังให้ข้อสังเกตว่า การเพิ่มขึ้นนั้นยังไม่ยั่งยืนและยังคงรับผลกระทบจากปัจจัยมากมายจากภายนอกที่ยากจะคาดเดาได้ ในฐานะเศรษฐกิจที่มีลักษะเปิดกว้างมาก ควบคู่กับการเพิ่มทักษะความสามารถในการปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอฉับต่างๆ เวียดนามต้องใช้โอกาสจากตลาดใหม่ๆ มากขึ้นเพื่อผลักดันการส่งออกทั้งในด้านปริมาณและมูลค่าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการคุ้มครองการค้าและสร้างความสมดุลทางการค้า นาย เหงวียนห่งเยียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามยืนยันว่า

“ส่งเสริมบทบาทของระบบสำนักงานการค้าเวียดนามในต่างประเทศในการสนับสนุนท้องถิ่นและสถานประกอบการเวียดนามใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีเอฟทีเอที่เวียดนามเป็นสมาชิกอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความหลากหลายในด้านตลาด ห่วงโซ่อุปทานและผลักดันการส่งออก ให้คำปรึกษาในการเจรจา การลงนามข้อตกลงฉบับใหม่และยกระดับข้อตกลง เอฟทีเอกับหุ้นส่วนที่มี่ศักยภาพเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนและขยายความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุน สนับสนุนสถานประกอบการในการผลิตและการส่งออกอย่างเป็นทางการพร้อมกับการสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าและผลักดันการส่งออกอย่างยั่งยืน”