ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยมอบเงินจำนวนกว่า 4.6  พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุยางิในเวียดนาม (Photo: TTXVN)

กิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุยางิในเวียดนาม

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุยางิในเวียดนามได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากคุณผู้ฟัง หลังจากอ่านข่าว เมื่อวันที่ 19 กันยายน ณ กรุงเทพฯ สถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยได้จัดพิธีรับเงินบริจาคจำนวนกว่า 4.6  พันล้านด่ง หรือคิดเป็นเกือบ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐของชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุยางิ อาจารย์ เกษม ทั่งทอง เขียนว่า “สายเลือดข้นกว่าสายน้ำ...เป็นการแสดงถึงความห่วงใยผู้ประสบภัย”

นี่คือวงเงินบริจาคหลังจากเปิดการรณรงค์เรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุยางิ นอกจากการบริจาคเงินแล้ว สมาคมชาวเวียดนามแห่งประเทศไทยได้ส่งคณะชาวเวียดนามโพ้นทะเลมาเวียดนามเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย จนถึงขณะนี้ ยังมีชาวเวียดนามโพ้นทะเลหลายคนสนับสนุนเงินและทางสมาคมฯจะอัพเดทและส่งเงินบริจาคผ่านแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามต่อไป นาย เหงวียนหงอกถิ่น นายกสมาคมชาวเวียดนามแห่งประเทศไทยได้เผยว่า

“หลังจากที่เวียดนามเปิดการรณรงค์บริจาคเงิน คณะกรรมการบริหารของสมาคมฯได้ประชุมและเรียกร้องให้ชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยบริจาค ซึ่งทุกคนต่างเข้าร่วมกิจกรรมนี้อย่างเข้มแข็ง”

นางสาว อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย มอบเงินบริจาคให้แก่พลโทอาวุโส รองศาสตราจารย์. ดร.เหงียนวันแห่ง อดีตสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรค รองประธานสภาทฤษฎีส่วนกลางและประธานสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย (https://thoidai.com.vn/)

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ชุมชนชาวเวียดนามในประเทศไทยไม่เพียงแต่มุ่งใจสู่จังหวัดภาคเหนือที่ได้รับความเสียหายจากพายุและน้ำท่วมเท่านั้น หากเพื่อนมิตรชาวไทยเป็นจำนวนมากยังร่วมแรงร่วมใจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเวียดนามอีกด้วย ถึงแม้ว่า ปัจจุบันจังหวัดต่างๆในภาคเหนือของประเทศไทยกำลังต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างหนักจากพายุและน้ำท่วม โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน ณ กรุงฮานอย สมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย ได้รับเงินบริจาค มูลค่า 50,000 บาทจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมฯ นางสาว อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ได้เผยว่า วงเงินช่วยเหลือนี้เป็นการรับทราบบทบาทที่เข้มแข็งของสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทางสมาคมฯไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเท่านั้น หากยังร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ขยายการพบปะสังสรรค์และความร่วมมือระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ อีกทั้ง แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชนเวียดนามเนื่องจากความเสียหายอันหนักหน่วงจากพายุไต้ฝุ่นยางิ และเผยว่าประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุยางิเช่นกัน อีกทั้งหวังว่า การสนับสนุนดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระชับมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น และเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อให้สมาคมปฏิบัติงานต่าง ๆ ในเวลาที่จะถึง

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยมอบถุงยังชีพ 100 ชุดให้แก่ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศหรือวีโอวี 5 ของสถานีวิทยุเวียดนามเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคเหนือเวียดนาม

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 กันยายน นางสาว อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ได้ยื่นเอกสารทางการทูตต่อแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม โดยแจ้งให้ทราบ รัฐบาลไทยบริจาคเงิน 2 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือประชาชนเวียดนามในจังหวัดต่างๆในภาคเหนือเนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุยางิ ส่วนเมื่อวันที่ 22 กันยายน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้มอบถุงยังชีพ 100 ชุด ซึ่งมีของกินของใช้ต่างๆ เช่น นม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำดื่ม สบู่ซักผ้า สบู่อาบน้ำ ยาสีฟัน แปรงสีฟันและเกลือให้แก่ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศหรือวีโอวี 5 ของสถานีวิทยุเวียดนามเพื่อสนับสนุนกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดต่างๆในภาคเหนือเวียดนาม รวมทั้ง ลาวกาย ฟู้เถาะและเตวียนกวาง

เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงฮานอยปี 2024 จัดขึ้น ณ บริเวณถนนคนเดินทะเลสาบคืนดาบ

เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงฮานอยปี 2024

ข้อมูลเกี่ยวกับเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงฮานอยปี 2024 ที่จัดขึ้น ณ บริเวณถนนคนเดินทะเลสาบคืนดาบได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากคุณผู้ฟัง โดยอาจารย์ เกษม ทั่งทอง เขียนว่า “เตรียมตัวก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว” สำหรับบทความ “โครงการฝึกอบรมภาษาไทยระยะสั้นแบบเข้มให้แก่นักศึกษาเวียดนาม - สะพานเชื่อมนักศึกษาที่รักภาษาไทย” คุณผู้ฟังหลายท่านได้บอกว่า “ผลสำเร็จของโครงการนี้ดีมาก... TICA และ มศว ได้ร่วมมือกันปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ชื่อว่า “ภาษาไทย” ที่ประเทศเวียดนาม มากกว่า 3 ทศวรรษ วันนี้ต้นไม้ต้นนี้ ได้แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวาง  เช่นเดียวกับ ความสนใจเรียนภาษาไทยในเวียดนาม ถือว่าเป็น Top 3 ของภาษาต่างประเทศที่เยาวชนเวียดนามให้สนใจ...คิดถึงประเทศไทย คิดถึงมศว” หลังจากอ่านข่าว “เวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีดัชนีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสูงมาก” ผู้ฟังหลายท่านบอกว่า “ความสำเร็จในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การขยายการเชื่อมโยงอินเตอร์เน็ตและการประยุกต์ใช้ ทำให้เวียดนามเลื่อนอันดับสูงขึ้น”

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจารย์ เกษม ทั่งทอง ได้ส่งอีเมล์ถึงผู้จัดทำรายการโดยเขียนว่า “สวัสดีครับผู้จัดทำรายการภาคภาษาไทยทุกท่าน สืบเนื่องจากรายการตอบจดหมายครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงบุญข้าวประดับดินและบุญข้าวสากของชาวอีสานของไทย จึงอยากจะเล่าสู่กันฟัง การนับเดือนตามปฏิทินจันทรคติของไทยกับของเวียดนามจะเหลื่อมกันประมาณ 2-3 เดือน โดยของไทยจะเริ่มก่อน เดือน1จะเริ่มปลายเดือนพฤศจิกายน ส่วนเดือน 1 ของเวียดนามเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์วันตรุษเต๊ดและเป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่การนับปีของไทยเริ่ม 13 เมษายนวันตรุษสงกรานต์เริ่มปีนักษัตรใหม่ การทำบุญข้าวประดับดินเป็นการทำบุญเดือน9 วันแรม 14 ค่ำ (หรือเดือน7 ของเวียดนาม) โดยห่ออาหารคาวหวาน ผลไม้ หมาก พลู บุหรี่ ใส่กระทงใบตองเล็กๆ แล้วนำไปวางบริเวณรอบกำแพงวัด รอบฐานเจดีย์ ตลอดจนใต้โคนต้นไม้ใหญ่ เพื่อส่งไปถึงผู้ล่วงลับและสัมภเวสีทั้งหลาย

การทำบุญข้าวสากเป็นการทำบุญเดือน10 วันขึ้น 15ค่ำ (หรือเดือน8 วันไหว้พระจันทร์ เวียดนาม) เป็นการทำบุญต่อเนื่องจากบุญข้าวประดับดิน เป็นการไปทำบุญที่วัดอุทิศส่วนกุศลให้ญาติพี่น้องโดยระบุชื่อเจาะจง ต่างจากบุญข้าวประดับดินที่ไม่ระบุชื่อเจาะจง

ดังนั้น บุญข้าวสากจึงเป็นหน้าที่ของลูกหลานจะต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ถ้าไม่ทำบุญข้าวสากจะเป็นเหตุให้ญาติที่ล่วงลับหิวโหย หลายปีเข้าก็จะกลายเป็นเปรตขอส่วนบุญ บางท้องที่มีการชิงเปรตด้วย ทางเวียดนามมีการกระทำในเดือน 7 และเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติอย่างไรบ้างครับ”

สำหรับคำถามที่น่าสนใจจากอาจารย์ เกษม ทั่งทอง ทางเราจะตอบในรายการตอบจดหมายคุณผู้ฟังในสัปดาห์หน้าครับ...