คณะผู้สื่อข่าวกัมพูชาเยือนสำนักงานวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวจังหวัดกว๋างนิง

เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะผู้สื่อข่าวจากกระทรวงสารสนเทศกัมพูชาได้เดินทางมาเยือนและพบปะกับหน่วยงานสื่อสารมวลชนทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่นของเวียดนาม ซึ่งการเยือนครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจให้กับคณะผู้สื่อข่าวกัมพูชา

“สำหรับการเดินทางมาเยือนเวียดนามในครั้งนี้ ดิฉันได้ลงข่าวสารและบทความเกี่ยวกับกิจกรรมของคณะฯ รวมถึงนำเสนอเกี่ยวกับท้องถิ่นต่าง ๆ ของเวียดนาม อย่างต่อเนื่อง โดยพวกเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้านการผลิตข่าว เช่น ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเชิงบวก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคม ต่อต้านข่าวปลอมและข่าวเชิงลบ รวมถึงแนวทางการฝึกอบรมใหม่ให้กับบุคลากรเพื่อตามทันกระแสสื่อดิจิทัล แต่ยังคงสามารถรักษารูปแบบสื่อดั้งเดิม เช่น หนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวระดับท้องถิ่น”

นี่คือความคิดเห็นของนาง Touch Voleak รองหัวหน้าฝ่ายผลิตรายการ ประจำสำนักงานข่าวกัมพูชา (AKP) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะเจ้าหน้าที่และนักข่าวรวม 10 คน จาก 6 หน่วยงานหลักของกระทรวงสารสนเทศกัมพูชาที่ได้เข้าร่วมภารกิจในเวียดนามในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 4 ตุลาคม 2025 ตามเส้นทางการเยือนจังหวัดนิ่งบิ่งห์ จังหวัดกว๋างนิงห์ และกรุงฮานอย ซึ่งมีหน่วยงานสื่อสารมวลชนที่ทันสมัยหลายแห่ง คณะผู้สื่อข่าวกัมพูชาได้สัมผัสถึงการพัฒนาอันแข็งแกร่งของเวียดนามในด้านสื่อสารมวลชน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจ-สังคมภายในประเทศ โดยการพบปะกับสำนักข่าวระดับท้องถิ่น คณะฯ ได้รับฟังการนำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการและการกำหนดแนวทางการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดตั้งระบบสื่อหลายระดับที่เชื่อมโยงกัน เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นทางการได้อย่างรวดเร็วฉับไว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม นาย In Chhay รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชาและหัวหน้าคณะผู้สื่อข่าวกัมพูชา เผยว่า

 “ผมรู้สึกประทับใจอย่างมากกับบทบาทที่ครอบคลุมของระบบสื่อสารมวลชนในเวียดนาม ทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น พร้อมเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ โดยการสื่อสารมวลชนถือเป็นสะพานเชื่อมอันแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือระหว่างรัฐบาลกับประชาชนทั่วประเทศ พร้อมสร้างพลังแห่งฉันทามติที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ประชาชนทุกคนร่วมกันพัฒนาประเทศ”

คณะผู้สื่อข่าวกัมพูชาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์กว๋างนิง

ณ กรุงฮานอย คณะฯ ได้เข้าเยี่ยมและพบปะหารือกับสถานีโทรทัศน์เวียดนาม (VTV) และ สำนักข่าวออนไลน์ Vietnamnet ซึ่งเป็นสองหน่วยงานสื่อสารมวลชนส่วนกลางที่เป็นผู้นำในด้านพัฒนาสื่อดิจิทัล โดยมีการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการผลิตคอนเทนต์บนหลายแพลตฟอร์ม การประยุกต์ใช้และบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบิ๊กดาต้า (Big Data) การควบคุมสตูดิโอและการผลิตข่าวแบบอัตโนมัติ รวมถึงการสร้างโมเดลกองบรรณาธิการแบบศูนย์รวม ซึ่งสมาชิกทุกคนในคณะฯ ต่างแสดงความประทับใจต่อขนาดและกระบวนการดำเนินงานอย่างมืออาชีพ รวมถึงแนวทางที่ถูกต้องของวงการสื่อสารมวลชนเวียดนามในยุคดิจิทัล นาง Thina Dine รองอธิบดีฝ่ายกระจายเสียง สังกัดสถานีวิทยุแห่งชาติกัมพูชา เผยว่า

“ดิฉันประทับใจกับการพัฒนาสื่อดิจิทัลในเวียดนาม เช่น ช่อง Vietnam Today ของสถานีโทรทัศน์เวียดนาม ที่ถูกสร้างขึ้นมาตามมาตรฐานสมัยใหม่ ซึ่งมีส่วนช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเวียดนามสู่โลก พร้อมบทบาท ‘การทูตทางวัฒนธรรม’ ในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศและประชาชนเวียดนาม หรือการปรับเปลี่ยนของสำนักข่าว Vietnamnet จากกองบรรณาธิการแบบดั้งเดิมสู่รูปแบบสมัยใหม่ ถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดที่ช่วยให้พวกเขาสามารถดึงดูดยอดวิวได้มากถึง 20 ล้านคนต่อเดือน”

คณะผู้สื่อข่าวกัมพูชาเยือนสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเวียดนาม

การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแค่เปิดโอกาสการเรียนรู้และพัฒนาทักษะวิชาชีพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คณะผู้สื่อข่าวกัมพูชามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับประเทศ วัฒนธรรม และผู้คนเวียดนาม โดยเฉพาะ สำหรับผู้ที่เคยเดินทางมาเยือนเวียดนามแล้วอย่างนาย In Chhay รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศเวียดนามและกรุงฮานอย ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ

“ว่ากันว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ในการเยือนครั้งนี้ ผมได้สัมผัสถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเวียดนาม โดยเฉพาะกรุงฮานอยเมื่อเทียบกับช่วงประมาณสิบปีก่อน ในตลอดระยะเวลากว่า 80 ปีนับตั้งแต่วันประกาศเอกราช ประชาชนเวียดนามได้ร่วมแรงร่วมใจและสามัคคีกันภายใต้การนำของพรรคพรรคคอมมิวนิสต์ พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลจนประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ การเดินทางไปเยือนเวียดนามของคณะผู้สื่อข่าวกัมพูชาได้เสร็จสิ้นลงในบรรยากาศอันแสนอบอุ่นและเป็นมิตร พร้อมสร้างความรู้สึกและความประทับใจที่ดีงาม โดยประสบการณ์และบทเรียนต่าง ๆ จากการเดินทางในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมืออย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ โดยการสื่อสารมวลชนถือเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญในการส่งเสริมความเข้าใจและความผูกพันระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ.